x close

ในหลวงทรงแนะ รมต.ใหม่ ปฏิบัติดีให้ชาติเจริญ

 

ในหลวง

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่


สมานฉันท์คนไทย ในหลวง ตรัสขอให้สําเร็จ

          เมื่อวานนี้ (5 สิงหาคม) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จำนวน 11 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จำนวน 11 คน ดังนี้

           พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

           นายมั่น พัธโนทัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง 

           นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

           นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

           นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

           นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

           นายสุชาติ ธาดาธำรงเดช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

           นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

           นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

           นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

           นายประสงค์ โฆษิตานนท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 

          โอกาสนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ รัฐมนตรีที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดังนี้ "ปฏิญาณตนให้เป็นรัฐมนตรีที่ปฏิบัติดีสำหรับหน้าที่ ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าบ้านเมืองก็ต้องมีรัฐมนตรี ถ้าปฏิบัติตัวดีก็ช่วยประเทศ ถ้าปฏิบัติตัวไม่ดีก็ไม่ทำให้ประเทศเจริญ ก็ขอให้ได้ปฏิบัติตนให้ประเทศเจริญ ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์ของความเป็นรัฐมนตรี ก็ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ปฏิญาณตนเช่นนี้ ก็ขอให้มีความสำเร็จในการทำตามคำปฏิญาณ"

          หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรีใหม่ ที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินมายังนายสมัครและมีพระราชดำรัสถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กราบ บังคมทูลว่า ...

          "2-3 วันนี้ จะไปดูทหารที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะว่า ฮุน เซน ให้ภรรยาขึ้นไปทำพิธีข้างบน มีของแจกทหาร วิทยุไทยได้พูดจาว่ากล่าว ว่าผู้บังคับบัญชาทหารไทยไม่ดูแล ข้าพระพุทธเจ้าได้คิดไว้ก่อนหน้านั้น ก็ได้ทำไปเงียบๆ ไม่ให้ภรรยาไป แต่ว่าให้แม่ทัพภาค 2 ไปแจกแทน ก็ถามผู้บัญชาการทหารบก ก็เลี้ยงดูทุกอย่างครบถ้วน อาหารการกิน เพียงแต่ของขบเคี้ยวของกินเล่นไม่มี ข้าพระพุทธเจ้าก็ไปซื้อลำไย ซื้อแอปเปิ้ล พวกของขบเคี้ยว  ขนมกรอบ  จากบ้านอัยการ  7  อย่าง  ใส่ถุงไปพันถุง เอาไปฝากให้เขาเงียบๆ ติดพรุ่งนี้รับประธานาธิบดี และจะไปเมืองจีน 3 วัน กลับมาก็จะไปเยี่ยมพวกเขา"

          จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสถามความเป็นอยู่ และอาหารการกินของทหารในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลรายงานว่า "วันนี้เรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างถอย ไม่เรียกว่าถอน คือ ถอยออกมาทั้ง 2 ข้าง เพื่อที่จะได้ประชุมกันต่อไป และก็จะมีการประชุมกัน ในชายแดนก็จะประชุมและกลางเดือนรัฐมนตรีก็จะประชุม คือว่าดึงออกมาจากวงใหญ่เป็นวงเล็ก งานเรื่องกัมพูชาเรียบร้อยดีพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าก็รับด้วยเกล้าฯ จะดำเนินการตามที่รับสั่งไว้ ก็คงจะค่อยยังชั่วขึ้น ตั้งคณะนี้ได้เสร็จ มีคณะที่ปรึกษาใหม่ 5 คน มาช่วยงานข้างนอก คือเขาก็ไม่อยากที่จะเข้ามาพัวพันแต่อยากให้ความคิด ก็เลยคิดตั้งเป็นที่ปรึกษาช่วยงานได้ เขาไม่ต้องรับผิดชอบ คณะข้าพระพุทธเจ้ารับผิดชอบเอง ก็เริ่มดำเนินการกันแล้ว คนนั้นจะดูนั่น คนนั้นจะดูนี่ ค่อยยังชั่วพระพุทธเจ้าข้า"

          ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสขอให้สำเร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลว่า "116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อ ขอพระราชทานพระบารมี 2 พระองค์ คือ ศาลจะตัดสินคดีความยังต้องออกตัวก่อนบอกว่า คนไทยแตกแยกเป็น 2 ซีก ศาลยืนยันว่าศาลท่านอยู่ตรงกลาง ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังแล้ว ก็เลยต้องพึ่งพระบารมีขอจัดงานเพื่อสมานสามัคคีอัญเชิญสมเด็จพระบรมฯ มา จะมีวิ่งธง 76 จังหวัด และก็วันที่ 100 ปีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ก็จะมีแสดงประปา ไฟฟ้า ตลอดทุกอย่างที่ทรงเอาเข้ามา 100 ปีก่อน แสดงรอบละ 9 วัน พอเสร็จแล้ววันถวายพระเพลิง จะพระราชทานเพลิงสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ก็จะให้คนทั้งประเทศส่งดวงพระวิญญาณพร้อมกัน พอค่ำนิดนึง หลังจากพระราชทานเพลิงแล้วก็จะจุดเทียนเงียบทั้งประเทศ ส่งดวงพระวิญญาณให้มีความสว่างกันทั้งประเทศ ไม่มีใครมีข้างไหนอีก แล้วพอหลังวันที่ 3 หลังจากทรงตรวจพลแล้ว วันรุ่งขึ้นสมเด็จพระบรมฯ จะรับธง 76 จังหวัดคืน แล้วก็งานก็จะเฉลิมฉลองวันที่ 5 ก็ 116 วัน พึ่งพระบารมี 2 พระองค์ ให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน แล้วก็คงจะต้องลืมเรื่องต่างๆ ได้ ก็ฟังข่าวมาแล้วก็ได้รับการตอบรับดี สมเด็จพระนางเจ้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 10-12 ให้เลยเข้าไปพระที่นั่งอนันตฯให้ไปดูศิลป์แผ่นดิน ซึ่งเป็นงานมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าก็เชิญชวนประชาชนไว้ งานศิลปาชีพ ก็จะมาแสดงกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขายของที่เหลือที่ค้างทั้งหมด ราคาถูกหน่อย แล้วก็แสดงกัน 3 วัน หลังจากนั้นก็ถือว่า 116 วัน จะให้ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมือง ได้สมานสามัคคี โดยขอพระบารมีทั้ง 2 พระองค์ พระพุทธเจ้าข้า คงค่อยยังชั่วขึ้น เพราะได้รับการตอบรับค่อนข้างจะดี และบางครั้งรัฐบาลนั้นก็จะถอยทุกวิถีทางไม่ปะทะ ไม่เริ่มต้น ใครจะแสดงอะไร ก็ให้เขาแสดงไป คงจะดับชนวนได้ พระพุทธเจ้าข้า"

          ทั้งนี้ ในช่วงท้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอวยพร "ก็ขอให้มีความสำเร็จ" 




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ในหลวงทรงแนะ รมต.ใหม่ ปฏิบัติดีให้ชาติเจริญ อัปเดตล่าสุด 6 สิงหาคม 2551 เวลา 09:59:01 13,664 อ่าน
TOP