x close

ริบบิ้นสีฟ้า สำหรับคุณ

ดอกไม้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Forward mail
โดยคุณ SniCky 
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

          ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์ค ตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูลชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอน ด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่า แต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง

          เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน

          แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่า พวกเขามีคุณค่าเพียงใด ทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง 

          จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้ ข้อความบนริบบิ้นมีว่า . . . "ฉันเป็นคนมีคุณค่า"

          จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่า การแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน

          เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น  ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผล และดูว่าใครยกย่องใครบ้าง แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์

          นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรอง ที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต

          จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือ พร้อมกับกล่าวว่า... "เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ … ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง" แล้วให้ริบบิ้นเขา

          ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้ สำหรับมอบให้คนต่อไป เพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป และเขาก็ได้ย้ำกับผู้บริหารคนนี้ว่า "แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง"

          ต่อมาในวันเดียวกัน ผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขา ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่า … "ลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่า เป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ" แต่พอเขาพูดจบ ก็ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่งกับคำพูดนั้น

          แต่เขาถามเจ้านายว่า จะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่?

          เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่า "ได้"

          เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า… "ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ ผมอยากให้ว เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้น เส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่ เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆ ยังไงบ้าง"

          ค่ำวันนั้น … ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่น อาย 14 ปี เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า "วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงานลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์ ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ … 

          แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่าติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดีแล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆ พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน นอกจากแม่แกแล้ว ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ"


          เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึง! เริ่มสะอื้น … แล้วก็สะอื้น เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา "พ่อครับ … เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่ เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย จดหมายอยู่บนห้องครับ แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ"

          พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้อง พบจดหมายข้อความสะเทือนใจ บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่ . . . 

          ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเลิกเป็นคนขี้โมโห แต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชา รู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง 

          ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา

          ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้น ก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น 
          
          คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย สำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้) คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้ง แล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป

          แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน

          … จำไว้นะ . . . ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว 


        

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ริบบิ้นสีฟ้า สำหรับคุณ อัปเดตล่าสุด 16 สิงหาคม 2551 เวลา 13:03:08 37,603 อ่าน
TOP