x close

ปอกเปลือก ชมพู่ กับวันข้างหน้าที่ (อาจ) ไม่ใช่ช่อง 7


ชมพู่ อารยา


          เริ่มต้นจากการถ่ายโฆษณา ถ่ายมิวสิกวิดีโอ กระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัดของค่ายดาราวิดีโอ กระทั่งผ่านเวลาไป 10 ปี ถึงตอนนี้ หากพูดถึงชื่อนางเอกคุณภาพของช่อง 7 สี เชื่อว่าจะต้องมีชื่อของ "ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต" ติดทำเนียบแน่นอน แต่วันนี้กำลังมีข่าวลือ ว่าเธอจะบินจากรังเก่าไปซบกับรังใหม่ จริงหรือไม่จริงยังไง มีคำตอบใน "บันเทิง คม ชัด ลึก"

10 ปีในวงการบันเทิง

ชอบวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก

          ชมพู่ : ไม่ได้คิดว่าจะต้องชอบ เด็กๆ ไม่เคยคิดว่าต้องมาทำตรงนี้ แต่ก็จะมีคนทักตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าต้องประกวดนางงาม ต้องประกวดนางสาวไทยลักษณะนี้ ถามว่าตอนเด็กสวยไหม ก็ออกแนวลูกครึ่ง แต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องชอบอาชีพนักแสดง เพราะไม่ได้ชอบแสดงออก เด็กๆ จะค่อนข้างทะโมนๆ จริงๆ คาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงก็จะออกแนวขี้อ้อน แต่ชมจะไม่มีความแด๊ะๆ แบบเด็กผู้หญิงเลย จนโตเป็นสาว จะออกแนวห้าวด้วยซ้ำ

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ลำบากขนาดไหน

          ชมพู่ : ชมไม่ได้คิดว่าเราจะต้องดั้นด้นเข้ามา สำหรับชม โอกาสมันมาถึงเราเอง รู้แต่ว่ามันทำแล้วได้สตางค์ แต่ไม่ได้คิดว่าจะก้าวเข้ามายึดอาชีพนี้อย่างจริงจัง เหมือนมันซึมมาโดยไม่รู้ตัวมากกว่า คำว่าดารามันมาหาเราโดยไม่รู้ตัว แล้วตอนนั้นชมก็ยังเด็กมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องฝ่าฟัน แต่พออยู่ไปอยู่มา ก็เริ่มเรียนรู้แล้ว ว่าเราเป็นคนที่อยู่ในวงจรนี้ แล้วเราก็ต้องต่อสู้ เพื่อที่จะมีที่ยืน เพราะว่าเราคงจะไปทำที่อื่นไม่ได้แล้ว เพราะเราถลำเข้ามาทำตรงนี้แล้ว

ต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง

          ชมพู่ : คงเป็นในเรื่องของงาน ที่ต้องตั้งใจ ด้วยที่ผ่านมาโอกาสต่างๆ ของชม ผู้ใหญ่เป็นคนหยิบยื่นให้ คงไม่ใช่ต้องไปแบบว่า เราต้องได้อันนั้นต้องได้อันนี้ คือผู้ใหญ่ให้โอกาสเรา แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ก็คือตั้งใจ

นอกจากฝีมือแล้ว ยังต้องมีอะไรเป็นองค์ประกอบอีก ถึงทำให้อยู่มาได้ 10 ปี

          ชมพู่ : คงเป็นวินัยในการทำงาน และอุปนิสัยส่วนตัวของเราที่มีต่อผู้ร่วมงาน การมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ และให้เกียรติกับผู้อื่น แต่ถ้าสำหรับยุคนี้ เอาจริงๆ เลยนะ ต่อให้นิสัยดี ฝีมือดี เราก็ต้องยอมรับว่าวงการบันเทิงมันอยู่ในส่วนที่คุณต้องกระแสดีด้วย มันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องระวังก็คือกลายเป็นว่าทุกคนจะพัฒนาแต่กระแส มุ่งที่จะสร้างกระแส ซึ่งชมว่ามันไม่ผิดหรอก เพราะอาชีพเราก็เหมือนเราเป็นสินค้า คนซื้อหรือไม่ซื้อเรา การปั่นโฆษณาก็คงมีส่วน แต่เนื้อแท้ของเรา เราต้องอย่าลืม ว่าเราคือนักแสดง ถ้าอายุเรา 40-50 ปี จะยังได้เป็นนักแสดงอยู่ไหม ก็อยู่ที่ฝีมือและคุณภาพนี่แหละ

ดวงหรือโชคชะตาเกี่ยวไหม

          ชมพู่ : ชมคนพุทธนะ ก็เชื่อว่า คนเรามันได้ไม่เท่ากัน แข่งเรือ แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกินความพยายาม เกินความมุ่งมั่น ถ้าเรามุ่งมั่น ชมว่ายังไงเราก็ต้องได้มาในสิ่งที่ต้องการ แต่อาจจะต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น เพราะเราวาสนาไม่เท่าเขา

เป้าหมายในวงการบันเทิง

          ชมพู่ : ก็อยากจะได้ทำงานดีๆ คือชมผ่านพ้นจุดของเรื่องเรตติ้งมาแล้ว เราก็ค่อนข้างจะนิ่งแล้ว ก็เข้าใจวัฏจักรของวงการบันเทิง อยากจะให้คนยอมรับและจดจำว่าเราทำได้

คิดว่าจะอยู่วงการบันเทิงนี้นานแค่ไหน

          ชมพู่ : ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลย แต่ก็เริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าเราเหลือเวลาน้อยลง กับคำว่า นักแสดง หรือคำว่า นางเอก คงเหลือไม่ถึง 10 ปีแล้ว มองจากอายุตัวเอง จะทำยังไงที่เราจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้มีคุณภาพ ให้มันเป็นตำนานสำหรับชีวิตเรา

ใจหายไหม

          ชมพู่ : ไม่ใจหายหรอก เพราะเราอยู่อย่างมีสติ จริงๆ เข้าวงการมาใหม่ๆ ก็มีผู้ใหญ่เตือน ว่าวงการนี้มันไม่แน่นอน มีคลื่นลูกใหม่นะ ต้องเก็บตังค์นะ เราก็ฟัง แต่ว่าพอมันเกิดกับตัวเองแล้วเราก็จะซึมซับ จะเข้าใจมันมากๆ ฉะนั้นชมเชื่อว่า ถ้าเรามีฝีมือ มีวินัยในการทำงาน แล้วก็เคารพอาชีพ ทำงานมีคุณภาพ ชมว่ามันก็ช่วยยืดอายุเราไปได้

ฤดูเปลี่ยนงาน

กับข่าวย้ายบ้านไปอยู่ช่อง 3 บ้าง ไปซบค่ายเอ็กแซ็กท์บ้าง

          ชมพู่ : อืม...มันก็มีอยู่แค่นี้แหละ ช่อง 3 ช่อง 5 ก็ต้องรอดูกันต่อไป (หัวเราะ) ไม่รู้สิ ตราบใดที่ชมยังไม่พูด ก็เข้าใจว่าเกิดการตีความกันได้ แต่ตอนนี้ก็อยากให้นิ่งๆ ถ้าเราลืมๆ มันไปสักพัก เผลอแป๊บเดียว เดี๋ยวเราก็จะได้คำตอบเอง พอดีว่าช่วงนี้ชมก็ออกงาน เจอนักข่าวทู้ก...กวัน ก็โดนถามทุกวัน แต่ก็เข้าใจ เพราะชมเริ่มเล่นละครกับช่อง 7 แล้วก็ไม่เคยไปที่ไหนเลย อยู่มาจะ 10 ปีแล้ว เข้าใจว่าเป็นเรื่องใหญ่ และสำหรับชม มันก็เป็นเรื่องใหญ่ เหมือนเป็นการตัดสินใจเลือกเส้นทางของเราในอนาคต ซึ่งชมก็ไม่มีอาชีพอื่นนอกจากอาชีพนักแสดง เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร

กับข่าวที่ว่าช่อง 7 ไม่ป้อนงานล่ะ

          ชมพู่ : จริงๆ ชมก็มีงานกับช่อง 7 อย่างสม่ำเสมอมาตลอด อาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ชมก็ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส จริงๆ ก็สำนึกในพระคุณ รู้อยู่แล้ว ว่ามีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะสิ่งที่เราสร้างมาจากที่นี่ เรื่องป้อนงานไม่ป้อนงาน มันคงไม่ใช่

ทำงานกับช่อง 7 เป็นอย่างไรบ้าง

          ชมพู่ : ก็ค่อยๆ เติบโต ชมมาทำงานตั้งแต่อายุ 17 คงไม่ต้องบอกนะว่าตอนนี้อายุเท่าไร (หัวเราะ) มันก็เป็นความเติบโต จากที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย มาทำงานไม่เคยคิดว่ามาเป็นดารา จนวันหนึ่งเราซึมซับ ว่าเราเป็นนักแสดง ค่อยๆ เรียนรู้จากคนรอบข้าง มันก็ให้ประสบการณ์ และให้โอกาส ชมมีใบผู้ประกาศได้ ก็เพราะช่อง 7 ที่เปิดโอกาสให้ชมในเรื่องของงานพิธีกรด้วย

ถ้าจะย้ายงานไปอยู่ที่ใหม่ อะไรคือเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจ

          ชมพู่ : ก็คงมีหลายเหตุผลนะ แต่มันต้องเป็นเหตุผล ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ ตอนนี้หลายๆ คนพยายามจะตีความว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ แต่ไม่ใช่ เราผ่านพ้นวัยที่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินเรื่องที่สำคัญในชีวิตแบบนี้มาแล้ว ส่วนเรื่องสตางค์ คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แล้วก็ (นิ่งไปพักหนึ่ง) ไม่อะ คงเป็นอย่างอื่น (หัวเราะ)

ความสบายใจในการทำงานล่ะ

          ชมพู่ : ก็สำคัญนะ มีงาน แต่ถ้าไม่มีใจ มันก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้าเราไม่รับกับสิ่งที่เราทำ มันก็ไม่เพลิน ไม่สนุก แค่ทำให้เสร็จๆ ไป งานก็ออกมาไม่มีคุณภาพ

ตั้งแต่มีข่าว ผู้ใหญ่เรียกคุยบ้างหรือยัง

          ชมพู่ : ถ้าให้ชมพูดตอนนี้ ก็ขอบอกว่ามีการปรึกษากันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ลักษณะว่ารั้ง คือปล่อยให้เราตัดสินใจ

ถ้าไปจริงๆ หวั่นเรื่องอะไรบ้าง

          ชมพู่ : ไม่รู้สิ ถ้าชมจะไป ก็ค่อนข้างคิดไว้เยอะ และเตรียมใจกับทุกสถานการณ์ แล้วเราก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของเรา ว่าถ้าอยู่แล้วไม่ดี หรือถ้าไปแล้วมันไม่ดี ก็ต้องตัดสินใจว่า เฮ้ย...โอกาสนี้เป็นโอกาสเดียวแล้วนะ ที่เราจะตัดสินใจ แล้วเราก็ได้ใช้มันไปแล้ว ก็ต้องยอมรับกับผลของมัน

กังวลเรื่องชื่อเสียงที่จะเปลี่ยนไปไหม

          ชมพู่ : ชมว่าชมผ่านตรงนั้นมาแล้ว 10 ปี เราสัมผัสกับความหวือหวา ละครฮิต อย่าง "หมอลำซัมเมอร์" ดังมาก โชว์ตัวเกือบปี ก็เข้าใจมันมีขึ้นมีลง ไม่รู้สิ ชมมองมันเป็นเรื่องธรรมดา

ที่ทำงานใหม่ของ ชมพู่ ต้องเป็นอย่างไร

          ชมพู่ : มันคงไม่ได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอก แต่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องปรับตัว และต้องเอาตัวรอด คนที่ปรับตัวได้ ก็จะเป็นคนที่อยู่รอด อันนี้คือทฤษฎีของ ชาร์ล ดาวิน แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้ เราก็คงต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม

ฉันนี่แหละ "ชมพู่"

เป็นลูกคนเดียว แสดงว่าต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำหรับครอบครัวพอตัว

          ชมพู่ : ใช่เลย ก็ดูแลครอบครัวทุกอย่างเลย (เน้น) แต่ไม่ได้หนักเกินไปนะ เพราะเรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น อายุเราเท่านี้ ดูแลได้ทั้งพ่อทั้งแม่ ไม่ต้องรอจนพ่อแม่แก่หงำแล้ว ถึงค่อยเจียดเงินเดือนให้ท่าน ชมโชคดีที่ได้ทำตรงนี้ และก็คิดว่าลูกทุกคน ถ้ามีกำลังอยากจะทำอย่างนี้ทั้งนั้น เลยไม่ได้รู้สึกว่าเราหนัก หรือเป็นลูกดีเด่นไปกว่าคนอื่น คนอื่นก็อยากจะทำ แต่อาชีพเขา ความเป็นมนุษย์เงินเดือน มันให้ได้เท่านี้จริงๆ

ดูเป็นคนเข้มแข็งนะ

          ชมพู่ : (ยิ้ม) ชมเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ชมเป็นคนที่ใช้ทั้งเหตุผลและอารมณ์ มีภาคที่เป็นศิลปินมากๆ ในบางอารมณ์ แต่บางอารมณ์ก็ใช้เหตุผลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชมว่าเหตุผลมันทำให้เราเข้มแข็ง

เสียน้ำตาให้เรื่องอะไรมากที่สุด

          ชมพู่ : จริงๆ ชมเป็นคนร้องไห้กับเรื่องซึ้งๆ บางคนโกรธจะร้องไห้ บางคนเสียใจ ก็จะร้องไห้ แต่ส่วนมากชมจะร้องเพราะความซาบซึ้งมากกว่า

กับเรื่องความรักล่ะ

          ชมพู่ : ผิดหวังในความรักก็ต้องมีบ้างแหละ แต่มันผ่านพ้นมานานแล้ว ตอนนี้มันร้องแบบยิ้มๆ มากกว่า

กับชีวิตโสด 2 ปี

          ชมพู่ : เคยฟังเพลง เหงา...เข้าใจ ของ "ปาน" ธนพร ไหม นี่แหละชีวิตชมเลย ก็มีเหงาบ้าง เห็นคนอื่นอิ๊อ๊ะกัน ก็มีแอบเซ็งบ้าง แต่ก็ดีกว่าเจอคนไม่ดี ทุกวันนี้ก็มีคนเข้ามาคุยบ้าง ไม่ได้ถึงกับปิดใจ แต่ชมเป็นคนสันโดษมาก บางทีก็ขี้เกียจสังสรรค์ ถ้าคุยแล้วรู้สึกไม่ใช่เลย ก็จะไม่อยากคุยแล้ว และไม่ชอบให้ใครมาบีบเราว่าเมื่อไรจะออกมาเจอกัน อยากให้เขาปล่อยให้เรารู้สึกสบายๆ ซึ่งส่วนมากทุกคนมาก็มีเป้าหมายเดียวกัน อยากจะได้เป้าหมายเร็วๆ แต่จริงๆ ต้องใจเย็นๆ

เป็นคนเข้าถึงยากไหม

          ชมพู่ : ใช่ ชมเป็นคนเข้าถึงยาก แต่ถ้าจับจุดถูก ก็จะเข้าใจ จะอ่านออก แต่ถ้าชมเจอคนบางคนที่เซ้นส์ตรงกัน ก็คงจะเปิดเผย

          เอ้า!!! หนุ่มๆ ยื่นใบสมัคร จับจองเป็นเจ้าของ "ชมพู่" ลูกนี้ด่วนจี๋


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปอกเปลือก ชมพู่ กับวันข้างหน้าที่ (อาจ) ไม่ใช่ช่อง 7 โพสต์เมื่อ 13 กันยายน 2551 เวลา 11:00:43 38,511 อ่าน
TOP