สำนักงานเลห์แมน บราเธอร์ส ในนิวยอร์ก
เมื่อวันที่ 15 กันยายน เอพีและเอเอฟพีรายงานว่า ภาวะการเงินการลงทุนของโลกสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจ หรือ ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐอเมริกา ประสบภาวะล้มละลาย ทำให้ดัชนีซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งร่วงไปตามๆ กัน ค่าเงินดอลลาร์อ่อนยวบลงในตลาดเอเชีย ก่อนค่อยฟื้นตัวในตลาดยุโรป เมื่อธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารแห่งชาติอังกฤษ อัดฉีดเงินเข้าตลาดเกิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าไปพยุงสถานการณ์ ขณะที่หุ้นของเลห์แมนดิ่งลงถึง 80% ส่วนราคาน้ำมันโลกดิ่งลงต่ำกว่า 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอรับการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลายของเลห์แมนฯ ส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารหลายแห่งทั่วโลกที่ทำธุรกรรมด้วย โดยสาเหตุที่เลห์แมนฯ ล้มละลาย เป็นเพราะขาดทุนมหาศาลจากการเข้าไปลงทุนในตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ ธนาคารขนาดยักษ์ 2 แห่งของโลก ทั้งบาร์เคลย์ของอังกฤษ และแบงก์ ออฟ อเมริกา เคยพยายามเจรจาต่อรองเงื่อนไขซื้อกิจการแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้
ด้านเมอร์ริล ลินช์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ เปิดทางให้แบงก์ ออฟ อเมริกา เข้าเทกโอเวอร์ซื้อกิจการในมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท ภายหลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก บวกกับปัญหาขาดทุนจากการลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้กับกลุ่มลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์ การควบรวมกิจการครั้งนี้ทำให้สถาบันการเงินทั้งสองแห่งแปรสภาพเป็นกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักงานกรมธรรม์นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดหารือฉุกเฉินกับผู้บริหารอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป หรือเอไอจี ธุรกิจบริษัทประกันภัยหมายเลข 1 ของโลก ซึ่งเป็นสปอนเซอร์บนอกเสื้อทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อหาทางระดมเงินทุนใหม่ๆ เข้าช่วยเหลือ หลังขาดทุนสูงถึง 620,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสามของปีนี้ เพราะเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ข่าวดังกล่าวทำให้หุ้นเอไอจีดิ่งลง 28% ขณะที่สถาบันการเงินชั้นนำ 10 แห่งของโลก อาทิ แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, บาร์เคลย์, เจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซกส์ เห็นชอบแผนลงขันร่วมกันจัดตั้งกองทุนเงินกู้ฉุกเฉิน 70,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ
ทางด้าน ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐฯ แถลงต่อผู้สื่อข่าว ยอมรับชาวอเมริกันรู้สึกวิตกกังวลต่อความเปลี่ยนแปลง และปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯ แต่รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด แต่ยืนยันรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการของตลาดหุ้นและตลาดการเงิน
ด้านนางซาราห์ พาลิน ผู้แทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวระหว่างหาเสียงที่เมืองโกลเดน รัฐโคโลราโด ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นวิกฤติอย่างแท้จริง และทำให้ชาวอเมริกันทุกคนต้องกลับมาพิจารณาถึงสถานะทางการเงินของตัวเอง แต่เธอยังยินดีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่เข้าไปอุ้มเลห์แมน บราเธอร์ส
ขณะที่นานเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันชาวอเมริกันสามารถเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯ ได้ แต่ยอมรับจะต้องใช้เวลากว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก