พรีเมียร์ลีกอังกฤษ คืนวันที่ 5 ตุลาคม ที่สนามสเตเดียม ออฟ แมนเชสเตอร์ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 2 ของตาราง โดยเจ้าถิ่นได้ข่าวดีเมื่อ ริชาร์ด ดันน์ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีม ผ่านความฟิตลงสนามได้ จัดทีมในระบบ 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลังมี ปาโบล ซาบาเลตา, ริชาร์ด ดันน์, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ฆาเบียร์ การ์รีโด แดนกลางมี เอลาโน, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, สตีเฟน ไอร์แลนด์ สามกองหน้าใช้ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โรบินโญ และ โช
ส่วนทีมเยือน เพิ่งชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ในเกมแชมเปียนส์ ลีก กลางสัปดาห์มา 3-1 นัดนี้จัดทีมในระบบ 4-2-3-1 ได้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน กลับมาลงสนาม แต่พัก ร็อบบี คีน ที่เพิ่งซัลโวประตูแรกให้ทีมไว้ข้างสนาม โฆเซ เรน่า เฝ้าเสา แนวรับมี อัลบาโร อาร์เบลัว, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ กองกลางใช้งาน เดิร์ค เคาท์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน, ชาบี อลองโซ, อัลเบิร์ต ริเอร่า ดัน สตีเวน เจอร์ราร์ด ไปยืนหน้าต่ำ ส่วนหน้าเดี่ยว เฟร์นานโด ตอร์เรส
เริ่มเกมมาเป็นทีมเยือนที่บุกเข้าใส่ได้อย่างหน้ากลัว เกมรุกทางฝั่งซ้าย โดยเฉพาะ ริเอร่า สร้างปัญหาให้กับแนวรับแมนฯ ซิตี้ได้ตลอด และเกือบจะได้ประตูนำก่อน ริเอร่า เลี้ยงหลบกองหลังก่อนจ่ายตัดเจ้ากลาง เดิร์ค เคาท์ ได้ยิงจ่อๆ ไม่เกิน 5 หลา แต่กลับเตะโด่งข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมผ่านไป 15 นาที โรบินโญ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น เช่นเดียวกับ ไรท์-ฟิลลิปส์ และมาได้ประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะที่ ออเรลิโอ พยายามเลี้ยงหลบ ไรท์-ฟิลลิปส์ แต่ถูกตัดบอลได้ ไรท์-ฟิลลิปส์ เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ โช อัลเบรัว เข้ามาสกัด พยายามงัดบอลเคลียร์ทิ้ง แต่กลับเป็นการตั้งบอลให้ ไอร์แลนด์ วิ่งมายิงเต็มข้อ บอลพุ่งแสกหน้า เรน่า เข้าไปชนิดตาข่ายแทบขาด เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0 นาทีที่ 19
หลังจากนั้น ทีมเยือน ยังพยายามเดินเกมรุกเข้าใส่ แต่กลับโดนสวนอันตรายหลายครั้ง โดยเฉพาะ ไรท์-ฟิลลิปส์ ทำเกมฝั่งขวาได้อย่างสะเด็ดสะเด่า ในช่วงท้ายเกม ริเอร่า มาทำฟาวล์ระยะอันตราย 25 หลา ริมเขตโทษด้านซ้าย ฆาเบียร์ การ์รีโด รับหน้าที่ปั่นโค้งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างหมดจด แมนฯ ซิตี้ นำห่าง 2-0 ส่อแววว่าทีมเยือนจะพ่ายนัดแรกของฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มครึ่งหลังมาเพียง 5 นาที ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 อาร์เบลัว หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวาพาบอลไปถึงเส้นหลัง ก่อนเปิดหักเข้ากลาง เฟร์นานโด ตอร์เรส พุ่งชาร์จเข้าประตูไป จังหวะถัดมา เจ้าถิ่นเกือบนำหห่างเป็น 3-1 แต่ โรบินโญ พุ่งชาร์จจ่อๆ 2 หลา ข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
เกมมามีจุดเปลี่ยนในนาทีที่ 67 เมื่อ ซาบาเลตา แบ๊กขวาเจ้าถิ่นพุ่งสไลด์สองเเท้าเปิดปุ่มใส่ อลองโซ แบบน่าเกลียด ผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออกจากสนามไป ราฟา ตัดสินใจ เปลี่ยนแนวรุกลงมาเพิ่ม ร็อบบี คีน และ อันเดรส ดอสเซนา ลงมาแทน มาสเคราโน และ ออเรลิโอ และมาได้ประตูตีเสมอจากลูกเตะมุม ตอร์เรส ขึ้นโหม่งเช็ดเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น 2-2
ทีมเยือนส่ง ยอสซี เบนายูน ลงมาเป็นตัวสุดท้าย หวังเอาชนะให้เด็ดขาด แต่กลับต้องเจอข่าวร้าย 10 นาทีก่อนหมดเวลา เมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล เหยียดเท้าสกัดบอลแล้วลงพื้นผิดจังหวะเข่าขวาบิดอย่างรุนแรง จนต้องลงเปลหามออกจากสนามไป ทำให้เหลือผู้เล่น 10 คนเท่ากัน
ทว่าแฟนทีมเยือนก็ได้เฮอีกครั้ง ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อ ดอสเซนา จ่ายให้ เบนายูน หลุดกับดักล้ำหน้าไปถึงเส้นหลัง ก่อนจ่ายย้อนมาให้ ตอร์เรส ยืนโล่งตวัดยิงบอลไปแฉลบ ร็อบบี คีน กระเด้งไปเข้าทาง เดิร์ค เคาท์ แปซ้ำจ่อๆ 2 หลาไม่พลาด กลายเป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ถึงถิ่น 3-2 สุดมันส์
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นมีดังนี้ เวสต์แฮมฯ แพ้ โบลตันฯ คาบ้าน 1-3, เชลซี ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0, พอร์ทสมัธ ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 และ สเปอร์ส แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ คาบ้าน 0-1
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
