กำหนดฉาย : 4 ธันวาคม 2551
แนว : แอ็คชั่น โชว์ศิลปะการต่อสู้
นำแสดง : จา พนม ยีรัมย์ , สรพงษ์ ชาตรี, นิรุตต์ ศิริจรรยา, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง,เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา,ปัทมา ปานทอง, พริมตา เดชอุดม,ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ
กำกับ : จา พนม ยีรัมย์, พันนา ฤทธิไกร
บทภาพยนตร์ : เอก เอี่ยมชื่น
ควบคุมงานสร้าง : ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร
ปีพุทธศักราช 2546 "จา พนม ยีรัมย์" ต้นตำรับ "ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน และไม่ใช้ซีจี"
สร้างตำนานบทใหม่ของภาพยนตร์แอ็คชั่นไทยระดับโลก
ตลอดระยะเวลา 5 ปีเต็มที่ตำนาน "องค์บาก" ยังคงสร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งโลก
มาจนถึง
ปีพุทธศักราช 2551 ตำนานของวีรุบุรุษ ผู้มาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ที่คนทั้งโลกเฝ้ารอคอยกำลังจะกลับมา
ว่ากันว่าทุกๆ ตำนานที่ได้รับการกล่าวขานล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้น
เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ที่เต็มไปด้วยพิษสง ลึกลับ อันตราย ซึ่งยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
กำลังจะถูกหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียว
ภายใต้ศักยภาพแห่งการต่อสู้ที่แฝงเร้นอยู่ในตัวตนที่แท้จริงของ "จา พนม ยีรัมย์"
กับมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นพีเรียดที่ถูกบ่มเพาะมาทั้งชีวิต
สู่ผลงานการกำกับภาพยนตร์อย่างเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตของ จา พนม ยีรัมย์ "องค์บาก 2"
ก่อนพุทธศตวรรษที่ 16
"โขน" คือนาฏศิลป์ชั้นสูงที่ลึกลับและเก่าแก่ที่สุด ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
สืบต่อเล่าขานกันว่ายังมีแม่ไม้มวยไทยและเหล่าสรรพาศาตราวุธไทยโบราณ
อันทรงอานุภาพอีกมากที่สูญหายไปตามกาลเวลา
และบ้างถูกเก็บกักซ่อนเร้น อนุรักษ์สืบสานต่อทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
ครั้งแรกที่คนทั้งโลกจะได้สัมผัสกับอานุภาพแห่งการต่อสู้
ที่เต็มไปด้วยพิษสงและความสวยงามของ "นาฏยุทธ"
ที่ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่าง "นาฏศิลป์โขน"
และ "ศิลปะการต่อสู้" ได้อย่างกลมกลืน ลงตัว และไม่เคยปรากฎมาก่อน
เรื่องย่อ
"ว่ากันว่า ณ จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งในใต้หล้า ทุกชีวิตล้วนต่างถือกำเนิดและดำเนินไปภายใต้เส้นแห่งโชคชะตาที่ถูกขีดเขียนไว้แล้วจากใครบางคนที่อยู่เบื้องบน"
เฉกเช่นเดียวกับชีวิตของ "เทียน" เด็กหนุ่มที่ถือกำหนดในฤกษ์พระกาฬ คืนวันอังคาร ขึ้นเก้าค่ำ เดือนเก้า ปีขาล บุตรชายเพียงคนเดียวของ ขุนสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) นายทหารผู้ซื่อสัตย์ซึ่งจงรักภักดีต่อเหนือหัวและปกป้องผืนแผ่นดินจากเหล่าผู้ฉ้อฉลและคนทรยศ
จากคำทำนายของพระครูปั้น เมื่อใดก็ตามที่เด็กหนุ่มเติบใหญ่ภายใต้วังวนแห่งคมดาบ และกลิ่นคาวเลือด จะนำมาซึ่งความสูญเสียของชีวิตและเลือดเนื้อของผู้คนจำนวนมาก ทำให้ขุนสีหเดโช สั่งห้ามมิให้ "เทียน" แตะต้องเหล่าสรรพวุธใดใด และส่งตัวไปให้ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เพื่อนสนิทซึ่งต่างเป็นลูกศิษย์ของพระครูปั้นเช่นเดียวกัน ช่วยบ่มเพาะสมาธิ เรียนรู้การหัดฝึกจิตให้นิ่ง และศึกษาในด้านวิชาโขนนาฏศิลป์ชั้นสูงซึ่งถือกำเนิดมาก่อนพุทธศตวรรษที่ 16 และการจัดหาสมุนไพรในการใช้ปรุงยาแทน โดยมีพิมลูกสาวของครูบัวคอยให้ความช่วยเหลือ และมีไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) เป็นเพื่อนเล่น
แต่ดูเหมือนว่าชะตาเมื่อถูกลิขิตแล้ว ยากนักที่จะเปลี่ยนแปลง เพียงเพื่ออำนาจและความต้องการครองความเป็นใหญ่ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ตัดสินใจวางแผนลอบสังหารขุนสีหเดโชทั้งครอบครัว พร้อมเหล่าทหารที่จงรักภักดีชนิดขุนรากถอนโคนด้วยตนเอง เพียงทว่าฟ้ายังมีตา ทำให้เทียนเล็ดรอดจากการสังหารหมู่อย่างหวุดหวิดพร้อมพกเอาความคลั่งแค้นที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ
ระหว่างทาง เทียน ได้พบกับเชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ช่วยชีวิตจากเหล่าพ่อค้าทาสและยักษ์ขมุจอมโหด โดยสังเกตุเห็นแววตาความเป็นนักฆ่าและความสามารถในการต่อสู้ที่แฝงเร้น จึงยื่นข้อเสนอให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองโจร พร้อมกับรับไปเป็นลูกบุญธรรม ให้การชุบเลี้ยงฝึกฝนเหล่าสรรพวิชาอาวุธในการต่อสู้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า หมัดมวย การใช้เวทย์มนต์คาถา การใช้สรรพวุธทุกชนิด ดาบ กระบอง วิชากล การใช้ระเบิด ฯลฯ จากเหล่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา
"เพียงทว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่เรียกกันว่า จุดพลิกผันในชีวิต เจ้าแห่งชะตาชีวิตจักเป็นผู้กำหนดเส้นทางแห่งชีวิตสืบต่อไปด้วยตนเอง เมื่อนั้นความดีและความเลวที่สถิตย์อยู่ในตัวตนของแต่ละบุคคลจักทำหน้าที่ของมันสืบต่อไป"
วันเวลาผ่านไป "เทียน" (จา พนม ยีรัมย์) เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่ม เป็นที่ยอมรับและเป็นกำลังสำคัญของหมู่กองโจรผาปีกครุตที่เข้าร่วมในการปฏิบัติภารกิจสำคัญทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสามารถสยบช้างงาดำ ช้างศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชุมโจรให้ความเคารพและสักการะ ในขณะเดียวกันกับที่เชอนังเองตั้งใจที่จะมอบตำแหน่งหัวหน้ากองโจรเพื่อให้เทียนเป็นผู้รับหน้าที่สืบทอดต่อไป เพียงทว่า ณ ช่วงเวลานี้มีเพียงภารกิจเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่เทียนจักต้องทำคือการขจัดความคลั่งแค้นที่มันสุมอกและท่วมท้นอยู่ในจิตใจมาโดยตลอดนั้นคือการมุ่งหน้าเพื่อสังหารเจ้าพระยาราชเสนาด้วยน้ำมือตนเอง
"ความเกลียดนำมาซึ่งความสูญเสีย ความกลัวตอกย้ำความอ่อนแอในจิตใจ และเมื่อใดที่อำนาจแห่งความชั่วร้ายเข้าครอบงำ อาวุธร้ายจะกลายเป็นดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาทำลายตนเอง และเมื่อนั้นชีวิตก็จะสูญสิ้นความเป็นคน"
แต่ดูเหมือนว่าแผนที่เทียนวางไว้จะไม่เป็นไปอย่างที่คาดคิด ความเยาว์และความรุ่มร้อน หาได้เพียงพอต่อการหยั่งรู้ จิตมนุษย์ยากเร้นเกิดหยั่งถึง แผนการทั้งหมดหาได้รอดพ้นจากหูตาของเหล่าไพร่พลและขุนกำลังของพระยาราชเสนาไม่ ทำให้ให้เทียนถูกจับทรมานจนเกือบตาย
พละกำลังและความสามารถที่ถูกบ่มเพาะมาทั้งชีวิตถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่ได้รับความช่วยเหลือจนรอดชีวิตจากพิม และ ครูบัว
เทียนถูกนำตัวไปยังหมู่บ้านของครูบัวในหุบเขาที่ครั้งอดีต เขาเคยได้มีโอกาสเรียนรู้การบ่มเพาะสมาธิ การฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะแห่งจิตให้นิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างได้หวนคืนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนชีวิตได้ถือกำเนิดใหม่ขึ้นอีกครั้ง วันคืนค่อยๆผ่านพ้นไป พร้อมๆกับสภาพร่างกายและจิตใจของเทียนได้รับการฟูมฟักฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง ครูบัวที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้ค้นพบกับปริศนาธรรมและความลับบางประการที่แทรกตัวอยู่ในวิชานาฏศิลป์ชั้นสูงอย่าง "โขน" จนในท้ายที่สุดเทียนได้หล่อหลอมเอาจิตวิญญาณแห่งพลังศรัทธาสมาธิมาผสมผสานกับนาฏศิลป์โขนโบราณ ก่อเกิดเป็นนาฏยุทธศิลปะการต่อสู้ภายใต้รูปแบบที่อ่อนช้อย สง่างาม และทรงอานุภาพอย่างที่ยากจักหาสิ่งใดมาทัดเทียมและไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน
"เหนือผืนพิภพในใต้หล้า ภายใต้พสุธาอันกว้างใหญ่ ว่ากันว่าศาสตราวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด คือการบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหลอยู่ในตัวตน ก่อเกิดจาก "พลังสมาธิจากจิตที่สงบนิ่ง" หลอมหลวมเข้ากับ "ศรัทธาอันแรงกล้า" จากธาตุทั้ง4นั่นคือ "ดิน น้ำ ลม ไฟ" ซึ่งแฝงเร้นอยู่ในธรรมชาติรอบกาย ภายใต้จิตแห่งความใฝ่ดีที่ไม่เคยดับสูญ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ "องค์บาก 2" ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณที่หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน