x close

วิญญาณคนเป็น

วิญญาณ



          "รักษ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนางเลิ้ง

          เชื่อกันว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังจิตประจำตัวทุกคน พลังจิตที่ว่านั้นอาจจะล่องลอยออกจากร่างชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ว่ายามตื่นหรือหลับ เช่นมีอาการใจลอย เหม่อ ที่เรียกว่าจิตไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือเป็นสิ่งที่คนเราเรียกว่าเป็นความฝันในยามที่หลับสนิท

          บางคนเรียกว่า "เจตภูต"

          เมื่อสิ้นลมหายใจแล้ว พลังนี้มักจะเรียกกันว่า "วิญญาณ"

          เจตภูตหรือวิญญาณก็เหมือนกับตัวตนของคนทั่วไป คือ มีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนแอ ถ้าเจ้าตัวเข้มแข็งก็จะทำให้เจตภูตหรือวิญญาณพลอยมีพลังรุนแรง จนอาจปรากฏให้ผู้อื่นรู้เห็นได้ ...หลายๆ ครั้งก็ก่อให้เกิดความมหัศจรรย์ จนถึงกับน่าสยดสยองได้โดยไม่คาดฝัน

          ผมเคยประสบกับสิ่งดังกล่าว แม้ว่าไม่อาจจะอธิบายได้ในทางวิทยาศาสตร์ก็จริง แต่ก็ทำให้ขนหัวลุกเลยนะครับ

          เมื่อประมาณสิบปีเศษมาแล้ว ผมกับครอบครัวอยู่แถววัดแค นางเลิ้ง ที่ทำงานของผมกับภรรยาก็อยู่ที่เดียวกัน คือองค์การของรัฐแห่งหนึ่งที่ถนนราชดำเนินกลาง ถือว่าอยู่ใกล้บ้านมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ตอนเช้าขับรถไปส่งลูกชายที่โรงเรียนมัธยมใกล้ๆ บ้าน แล้วเลยไปที่ทำงานด้วยกัน

          วันเสาร์อาทิตย์มักจะมีเพื่อนฝูงแวะมาเยี่ยม ส่วนมากมักจะมาชิมอาหารอร่อยๆ ละแวกนั้น เช่น ก๋วยเตี๋ยวเครื่องในหมู ข้าวหน้าสตู ไส้กรอกปลาแนมที่ตลาดนางเลิ้ง เป็นต้น

         "ชล" เพื่อนที่ทำงานหนุ่มโสดรุ่นน้องไม่ใช่นักกิน แต่เป็นนักเล่น "ไม้กระถาง" เหมือนกับผม ตอนแรกก็เล่นของง่ายๆ อย่าง ดาวเรือง เบญจมาศ เยอบีร่า ......ต่อมาเมื่อเห็นที่บ้านผมมีทั้งเฟื่องฟ้า พิทูเนีย พังพวย ไปจนถึง บีโกเนีย และแอฟริกันไวโอเล็ต ...ชลก็ชอบมาดูบ่อยๆ และไต่ถามหาความรู้ไปด้วย ซึ่งผมก็บอกกล่าวให้ฟังโดยไม่มีอะไรปิดบัง

          ระยะหลังๆ ชลมาขอแอฟริกันไวโอเล็ตที่ผมขยายพันธุ์ไว้สิบกว่ากระถาง ผมก็ให้ไปพร้อมกับแนะนำการเลี้ยง เช่น ต้องการความชื้นสม่ำเสมอ แต่อย่าให้ถึงกับแฉะและฉ่ำน้ำ รวมทั้งการให้ปุ๋ย เช่นปุ๋ยปลาที่ไม่มีกลิ่นจะใช้ได้ดีกว่าปุ๋ยเคมี เป็นต้น

          ไม้ชนิดนี้จะเติบโตได้ดีในที่มีแสงรำไร แต่ต้องการแดดจัดขึ้นในการให้ดอก ถ้าใบชักเหลืองแสดงว่าแสงมากไป ต้นจะเป็นพุ่มแน่น ดอกสีซีดลง ต้องระวัง...หนักเข้า ชลก็อยากศึกษาวิธีปลูกเลี้ยงแอฟริกันไวโอเล็ตชนิดเลื้อยเป็นพุ่ม บางวันเลิกงานถึงกับขอตามมาที่บ้าน ...ถ้าเสาร์อาทิตย์จะขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านที่ราชเทวีมาตั้งแต่ตอนบ่าย ขลุกอยู่ถึงเย็นเป็นประจำ

          เสาร์ที่เกิดเหตุขนหัวลุกก็เช่นกัน!

          หลังอาหารกลางวัน ภรรยานั่งดูทีวีในห้องรับแขกกับลูกชาย ส่วนผมมาเดินดูแลต้นไม้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แล้วก็ขึ้นไปเปิดหนังสือว่าด้วยการใช้ไม้กระถางในการตกแต่ง...ก็พอดีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์คุ้นหูจอดลงที่ประตูรั้ว

          "พ่อๆ อาชลมา..." เสียงลูกชายผมร้องขึ้นมา ก่อนจะลดเสียงลง "ประตูไม่ได้ล็อกฮะ อาชล..."

          ผมปิดหนังสือเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ...เห็นภรรยากับลูกชายกำลังมองตากัน ก่อนจะหันมามองผมอย่างงงงัน ...บอกว่าเห็นชลกำลังเลี้ยวรถเข้ามาหยกๆ แต่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว ทั้งรถทั้งคน?!

          คุณพระช่วย! เป็นไปได้ยังไง? ในเมื่อผมเองก็ได้ยินเสียงรถของชลเช่นกัน!

          ก้าวยาวๆ ออกจากบ้านไปที่เฉลียง ลงบันไดเตี้ยๆ เดินไปตามทางจนถึงประตูรั้วที่เปิดโล่ง...ออกไปมองซ้ายมองขวาท่ามกลางแสงแดดของยามบ่ายในฤดูหนาว แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของชลเลย...ใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเดินกลับเข้าไปในบ้าน มองดูหน้าลูกเมียก็เห็นซีดเซียวจนน่าสงสาร

          "หรือว่าเราจะหูแว่วไปเอง?" ผมพึมพำ แต่ลูกชายยืนยันว่าเห็นน้าชลผลักประตูรั้วแล้วเลี้ยวรถเข้ามาอย่างแน่นอน

          แทบไม่ขาดเสียง เราสามคนก็แทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรถคันนั้น ...รถของชล!

          ร่างผอมสูงก้าวลงมายิ้มฟันขาว ยกมือไหว้จนเห็นเลือดเปรอะหลังมือ...ได้ความว่าเขาเกิดเฉี่ยวกับรถเมล์ที่สี่แยกนางเลิ้ง หมดสติไปครู่หนึ่งก่อนจะฟื้นขึ้นเป็นปกติ ...ชลเล่าว่าตอนที่วูบไปนั้น เขาเห็นตัวเองกำลังเลี้ยวรถเข้าบ้านผมจนรู้สึกตัวตามเดิม

         
พลังจิตของคนเรายังเร้นลับและรุนแรงแทบไม่น่าเชื่อ ...แต่ที่แน่ๆ คือทำให้ผมและลูกเมียขนหัวลุกไปตามๆ กันครับ!



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขนหัวลุก / ใบหนาด
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิญญาณคนเป็น อัปเดตล่าสุด 26 ตุลาคม 2552 เวลา 17:05:38 17,547 อ่าน
TOP