ส.ส. พปช. เผย "ทักษิณ" เล็งใช้โฟนอิน 10 ธันวาคม แจงเหตุหย่า "พจมาน" บ่นวางมือไม่ได้ ถูกบีบให้สู้อีกครั้ง ไม่อุทธรณ์คดีที่ดินรัชดาฯ อ้างหากทำเท่ากับยอมรับความผิด กุนซือยันแยกทางเพื่อแต่งกับ "ลีเดีย" เป็นไปไม่ได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ยอมรับว่า ได้เดินทางไปยังเกาะฮ่องกง เพื่อเยื่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 พฤศจิกายนจริง และได้โดยสารเครื่องบินลำเดียวกันกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะต่างคนต่างไป โดยระหว่างการเดินทางไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน ตนและนายสนธิต่างทำเหมือนมองไม่เห็นกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่านายสนธิไม่ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างแน่นอน เพราะหลังจากที่คณะของตนพุดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรียบร้อย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกเดินทางไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทันที
ส่วนเรื่องการหย่าร้างนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เหตุผลก็เป็นไปตามที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณชี้แจงไป อย่างไรก็ตาม ให้รอฟังคำตอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณเองในการโฟนอินที่จะมีขึ้นในรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย ในวันที่ 10 ธันวาคมที่จะถึงนี้
ด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบข่าวการหย่าร้างระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มาก่อน แต่ยอมรับเมื่อทราบข่าวก็เกิดอาการช็อคไปเหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่ทั้งสองตัดสินใจหย่ากันนั้นน่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัว ไม่ทราบจริงๆ แต่ยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่หย่ากับคุณหญิงพจมาน เพื่อไปแต่งงานกับ "ลีเดีย" หรือ น.ส.ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องสาวค่ายอาร์เอส ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคาดการณ์ถึงสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจหย่ากับคุณหญิงพจมานเพื่อไม่ให้มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกัน นายนพดล กล่าวว่า การเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายหมายถึงบุคคลคนเดียวกัน แต่เมื่อหย่าแล้วจะแยกกันเป็นคน 2 คน ดังนั้น การทำกิจกรรมต่างๆ จะเป็นอิสระจากกัน ส่วนจะมีความคล่องตัวในแง่การเมือง หรือแง่ธุรกิจนั้น ไม่ทราบ
"เป็นเหตุผลของผู้ใหญ่ทั้ง 2 คน แต่ที่ผ่านมาทั้ง 2 คนดูรักกันอย่างมาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแฟมิลี่แมนรักภริยาและลูกมาก น่าเสียดายที่มรสุมทางการเมืองทำให้ทั้งสองคนที่นอกจากทำให้ต้องระเหเร่ร่อนแล้ว ยังทำให้ครอบครัวถูกกระทบกระเทือนไปด้วยเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจลูกๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้ง 3 คนมาก ส่วนหากเรื่องต่างๆ ทุเลาลงบุคคลทั้ง 2 จะกลับมาจดทะเบียนสมรสกันใหม่หรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องอนาคต แต่เชื่อว่าแม้จะหย่ากันไปแล้วแต่ในแง่ของความรัก ความผูกผันระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานยังคงมีเหมือนเดิม" นายนพดลกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จดทะเบียนหย่ากับคุณหญิงพจมาน มีการวิเคราะห์ในหมู่คนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในส่วนคดีความด้วยว่า อาจเป็นการส่งสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย โดยคุณหญิงพจมานกันเงินก้อนหนึ่งไว้ให้ครอบครัว ส่วนอีกก้อนหนึ่งเป็นการแบ่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณนำไปใช้ต่อสู้ หากหมดก็จะให้ยุติบทบาททางการเมือง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายในทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ และลูกน้อง คุณหญิงพจมานจะเป็นคนบริหารจัดการมาตลอด และคุณหญิงพจมาน ก็ไม่อยากให้ทุ่มเงินลงการเมืองมาตั้งแต่แรก พอมาถึงหลังจากรัฐประหาร จนมีการฟ้องร้องคดีและอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณต้องการจะสู้เต็มตัวตั้งแต่แรก แต่คุณหญิงพจมานห้ามไว้ โดยพยายามเคลียร์กับฝ่ายต่างๆ เพื่อรักษาเงินก้อนที่ถูกอายัดไว้จำนวน 76,000 ล้านบาท เนื่องจากเงินจำนวนนี้ มีส่วนหนึ่งได้มาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง แต่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กลับสั่งอายัดทั้งก้อน ไม่ยอมสั่งอายัดไว้เฉพาะส่วนต่างหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โดยหวังว่าถ้ารักษาเงินก้อนนี้สำเร็จก็จะเลิกเล่นการเมือง
ขณะที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อดีตประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกา กล่าวว่า ในทางแพ่งตามกฎหมายครอบครัว การหย่าจะมีผลต่อการแบ่งทรัพย์สิน ทั้ง 1. สินส่วนตัว และ 2. สินสมรส โดยบุคคลทั้งสองจะต้องยื่นพิสูจน์ทรัพย์ว่าส่วนไหนเป็นของใคร ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้การหย่ายังส่งผลดีต่อการทำนิติกรรม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานสามารถแยกกันทำนิติกรรมได้ โดยไม่ต้องขอความเห็นจากอีกฝ่าย แต่การหย่าจะไม่ส่งผลต่อการขอวีซ่า เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารจะพิจารณา ไม่ใช่เรื่องทางกฎหมาย
"ในทางคดีก็มีความเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจนำสถานะการหย่า มาใช้ในการต่อสู้คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน โดยยกคำพิพากษากรณีที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีความผิดทางอาญาแต่ไม่ยึดที่ดินที่เป็นทรัพย์ที่มีส่วนในการกระทำผิด เพราะเป็นของคุณหญิงพจมาน อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับทนายของบุคคลทั้งสองว่าจะยื่นพิสูจน์ทรัพย์ที่ถูกอายัดหรือไม่ ผมมองว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ 7.3 หมื่นล้านมากกว่า เพราะบุคคลทั้ง 2 อาจยื่นต่อศาลขอแยกทรัพย์สิน ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าสาเหตุของการหย่าที่แท้จริงคืออะไร ดังนั้น จึงต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อน" นายวิชา กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
