x close

ประชุมคลังอาเซียนบวก 3 บรรลุข้อตกลงการขยายวงเงิน


ประชุมคลังอาเซียนบวก3บรรลุข้อตกลงการขยายวงเงินมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ (คมชัดลึก)

         เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน บวก 3 ร่วมกันแถลงข่าว ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน บวก 3 สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2552 ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า ภูเก็ต อ.ถลาง จ. ภูเก็ต 

         นายกรณ์ กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน บวก 3 ได้ข้อตกลงกรอบการขยายวงเงินมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ ( Chiang Mai Initiative) หรือ CMIM จาก 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยืนยันสัดส่วนการขยายวงเงินกองทุนที่ประเทศกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ อยู่ที่ 20% ส่วน 3 ประเทศ เกาหลี จีน และญี่ปุ่น ในสัดส่วน 80% นอกจากนั้นได้มีการพูดคุยเพิ่มว่าในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้นมีการแบ่งสัดส่วนระหว่าง 5 ประเทศเศรษฐกิจหลัก คือ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในระบบที่สูงกว่า 5 ประเทศที่เศรษฐกิจเล็กกว่า          

          โดยในสัดส่วนของ 5 ประเทศเศรษฐกิจหลักของอาเซียนนั้น ยังยึดหลักปฏิบัติเดิมคือการแบ่งสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน ส่วนรายละเอียดของจำนวนเงินที่แต่ละประเทศจะส่งเข้าสมทบกองทุนนั้นจะมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจนจะมีการนำเสนอในการประชุมอาเซียน ที่ประเทศบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนพฤษภาคมนี้ 

         ส่วนกรณีข้อตกลงในการเพิ่มทุนของธนาคารพัฒนาเอเชีย ( ADB) นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเพิ่มทุนของธนาคารพัฒนาเอเชียนั้น มีอยู่ 3 ข้อเสนอ ในแง่ของปริมาณ ซึ่งประเทศสมาชิกทั้งหมดเห็นว่าบทบาทของธนาคารพัฒนาเอเชียมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในกลุ่มอาเซียนและที่ผ่านมาธนาคารพัฒนาเอเชียไม่ได้เพิ่มทุนมาตลอด 15 ปี ดังนั้นควรที่จะเพิ่มทุนในระดับที่สูงสุดตามที่ขอเสนอมา ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะมีการหารือกับทางธนาคารพัฒนาเอเชียอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้ามีการเพิ่มทุนตามอัตราส่วนที่สูงที่สุดจะส่งผลต่อการขยายวงเงินกู้ของธนาคารพัฒนาเอเชียอย่างไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ได้รับการชี้แจงน่าที่จะมีการเพิ่มทุน 200% เทียบกับทุนในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ธนาคารพัฒนาเอเชียมีความสามารถในการปล่อยกู้ได้ปีละ 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเนื่องทุกๆ ปี


         นายกรณ์ กล่าวถึงผลที่จะเกิดจากความร่วมมือในครั้งนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ว่า การพูดคุยในช่วง 1 วันเศษที่ผ่านมา เป็นการพูดคุยที่ตรงต่อวัตถุประสงค์และความต้องการของประเทศสมาชิกที่ขอให้มีการจัดประชุมวาระพิเศษอาเซียน บวก 3 ขึ้น โดยอันดับแรกเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวความคิดที่มีต่อภาคเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจากทุกประเทศ


         "มีการยืนยันในช่วงวิกฤตเช่นนี้มีความสำคัญยิ่งยวดที่ทุกประเทศต้องประสานแนวทางและนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งในส่วนของนโยบายการคลังและการเงิน ยกตัวอย่างที่สำคัญ ในเรื่องนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งจะต้องเป็นนโยบายที่ประสานกันอย่างใกล้ชิด หากจะแข่งขันกันควรแข่งขันกันในมิติอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป็นการแข่งขันกันด้วยอัตราการแลกเปลี่ยน ซึ่งจะทำให้การแข่งขันมีระดับความเสมอภาคและมีเสถียรภาพในระยะยาวของทุกประเทศในเอเชีย "


         ส่วนข้อตกลงที่มีความคืบหน้าไปอย่างมาก ในส่วนของการขยายบทบาทของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ ซึ่งจะมีผลอย่างแน่นอนต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงมาก ฉะนั้นเราอาจจะมองไม่เห็นว่าในระยะสั้นการริเริ่มเชียงใหม่จะมีผลต่อเราอย่างไร แต่ความเชื่อมั่นที่มาตรการริเริ่มเชียงใหม่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศในเอเชียจะลดผลที่อาจจะเกิดกับปัญหาที่เกิดขึ้นในกระเทศในกรณีที่เกิดปัญหาสภาพคล่อง โดยรวมมีความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงทั้งหมดทั้งแนวทางการบริหารเศรษฐกิจทางด้านนโยบายการคลังในแง่ของแนวทางการจัดตั้งรูปลักษณะของกองทุนขึ้นมาเพื่อดูแลทุกๆ ประเทศในมาตรฐานเดียวกันในการสร้างความเชื่อมั่นและการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทุกประเทศในเอเชีย


         โดยเป็นที่ยอมรับกันว่าในการประชุมจี 20 ซึ่งนอกจากประเทศในเอเชียซึ่งเป็นสมาชิกของจี 20 แล้ว ได้มีการเชิญนายกรัฐมนตรีไทยของเราไปร่บใประชุมด้วยในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ซึ่งคิดว่าประเทศทางตะวันตกคงมีความตั้งใจที่จะพึ่งพาอัตราการขยายตัวของประเทศในกลุ่มเอเชียเป็นแนวทางส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาประเทศของเขาด้วย เพราะฉะนั้นบทบาทของประเทศเอเชียในการประชุมจี 20 จึงมีมากกว่าที่มีมาในอดีต และในการประชุมครั้งนี้ก็ได้ข้อตกลงกันได้ว่าจะมีประเด็นหลักใดบ้างที่จะนำไปเสนอในการประชุมจี 20 ทั้งสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศเอเชีย เพื่อจะได้มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก


         ในส่วนข้อหารือที่ได้จากการประชุมทวิภาคีกับจีนและญี่ปุ่น นายกรณ์ กล่าวว่า ในระยะหลังมีการพบกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้นายกรัฐมนตรีมีแผนที่จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ส่วนของประเทศฯปุ่นก็ได้เดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจากการประชุมทวีภาคีกับญี่ปุ่นนั้นก็ได้มีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจทั้งการลงทุนและการค้า โดยในส่วนของการลงทุนมีการพูดถึงโครงการยกระดับสาธารณูปโภคของไทยหลายๆ โครงการที่อาศัยแหล่งเงินจากองค์กรของรัฐบาลญี่ปุ่น และเป็นการยืนยันกันอีกครั้งหนึ่งถึงเจตนาความตั้งใจและความพร้อมของทั้งสองฝ่าย ส่วนการค้ามีการพูดถึงประโยชน์ที่ได้จากข้อสัญญาเจซิป้าในอดีต และการพูดถึงในรายละเอียดมาตรการของสัญญาเจซิป้าซึ่งจะมีการหยิบยกมาเพื่อพิจารณาเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายมากขึ้น


         ส่วนกับประเทศจีนนั้นมีการพูดคุยถึงความร่วมในมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ เพราะจีนเป็นพี่ใหญ่หนึ่งในประเทศเอเชียที่จะเดินหน้าไปด้วยความสำเร็จ นอกจากนั้นยังได้มีการพูดคุยโอกาสที่ทางจีนจะยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศของเราด้วย


         ได้เรียนกับทั้งสองประเทศถึงแนวความคิดของไทยที่จะขยายวงเพิ่มเงินลงทุน ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ที่อยู่ในประเทศไทยและบริษัทนำและเป็นนักลงทุนจากต่างประเทศด้วย ซึ่งก็ได้รับความสนใจ และยืนยันว่านอกจากมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว รัฐบาลยังได้ประกาศมาตรการการยกระดับ ขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศไทย ด้วยการลงทุนวงเงินเกือบ 2 ล้านล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้า นายกรณ์กล่าว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประชุมคลังอาเซียนบวก 3 บรรลุข้อตกลงการขยายวงเงิน อัปเดตล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13:29:16 5,602 อ่าน
TOP