x close

เณรเบิร์ด พลิ้ว 7 สมภารสึกแล้ว ไม่ไปชี้ตัว แต่ย้ำจริง

เณรเบิร์ด

 

เณรเบิร์ด พลิ้ว 7 สมภารสึกแล้ว ไม่ไปชี้ตัว แต่ย้ำจริง ซื้อบริการ (ข่าวสด)

        อดีตเณรเบิร์ดออกทีวียืนยันสัมพันธ์ 7 สมภารจริง แต่ยังพลิ้วไม่ยอมไปชี้ตัว อ้างสึกไปหมดแล้ว พร้อมขอขมาพระสังฆาธิการที่ออกมาไล่จี้ไม่ใช่กลุ่มพระที่เคยซื้อบริการ ด้านผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรฯเตรียมลงพื้นที่เดินทางไปลำพูนสอบข้อเท็จจริง เผยบรรยากาศวัดดังๆ ในอำเภอบ้านธิเงียบเหงา หลังมีข่าวอื้อฉาวซ้ำในวงการผ้าเหลืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        ความคืบหน้ากรณีอดีตสามเณรเบิร์ดออกมาแฉกับ นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมือง ระบุมีสัมพันธ์กับสมภารวัดต่างๆ ในเขต อ.บ้านธิ จ.ลำพูน จำนวน 7 รูป พระภิกษุ-สามเณรอีกหลายรูป ล่าสุดได้ส่งข้อมูลอื้อฉาวทั้งหมดให้กับผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ขณะเดียวกัน เจ้าคณะอำเภอบ้านธิ ก็เรียกประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครอง จำนวน 24 วัด เพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และมีพระครูจำนวน 2 รูป ได้ออกมาปฏิเสธกลางที่ประชุมสงฆ์ว่าไม่จริงตามที่ถูกพาดพิง ตามข่าวที่เสนอมาโดยลำดับนั้น

        เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยถึงอดีตสามเณรเบิร์ดที่ออกมาแฉถึงเหตุการณ์ในช่วงบวชเป็นสามเณร เป็นเวลา 3 ปี เคยร่วมหลับนอนขายบริการให้กับพระครูระดับเจ้าอาวาสในเขตอำเภอบ้านธิ จ.ลำพูน รวม 7 วัด รวมถึงพระเณรที่เป็นลูกวัดอีกนับไม่ถ้วน ว่า ได้รับการติดต่อจาก นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมือง และอดีตสามเณรเบิร์ด พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ อดีตสามเณรเบิร์ดได้บอกตนว่าเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นข่าวใหญ่โตขณะนี้ มีเจตนาเพื่อเปิดเผยความจริงเพียงเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสีย หรือกระทำไปเพราะอยากดัง มีชื่อเสียง ด้วยการเปิดเผยเรื่องพระครูระดับเจ้าอาวาสซื้อบริการอดีตสามเณร เพื่อให้คณะสงฆ์และหน่วยงานที่ดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนาได้เข้าไปตรวจสอบเฝ้าระวังพระเกย์ หรือพระกะเทยที่อาศัยผ้าเหลืองอาศัยวัดและก่อเหตุเสื่อมเสีย

        "นายเบิร์ดได้พูดกับผมและชี้แจงว่า ที่เขาออกมาเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวนี้ เพราะว่าเขารู้สึกละอายใจที่เคยประพฤติตนไม่ดีเมื่อสมัยบวชเป็นเณร และเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่เมื่อเกิดความละอายใจต่อสิ่งไม่ดีและสำนึกผิด เขาก็ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมเหล่านี้ว่ามันมีอยู่จริงในสังคม แม้แต่กับคน ในผ้าเหลืองก็ตาม เขาก็อยากให้พระที่เคยประพฤติตนเช่นนี้ เลิกพฤติกรรมเหล่านี้เสียที และให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้มีมาตรการเข้มงวดได้กวดขันไม่ให้มีพระที่มีความประพฤติที่ออกนอกลู่นอกทางหรือควบคุมตั้งแต่ก่อนบวช มิให้คนที่มีความประพฤติไม่ดีได้เข้ามาบวชเป็นพระ จนก่อเหตุเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนาโดยส่วนรวม" ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าว

        นายอำนาจ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนี้ ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ที่จะเดินทางลงไปในพื้นที่ จ.ลำพูน เพื่อสอบถาม และขอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน จ.ลำพูน ตั้งแต่กรณีร้องเรียนเรื่องเจ๊ดาวที่ลาสิกขาออกไปแล้วมาจนถึงกรณีร้องเรียน 7 พระครูระดับเจ้าอาวาสใน อ.บ้านธิ ซื้อบริการจากสามเณร โดยจะเดินทางไปกราบนมัสการเจ้าประคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดลำพูน และพระราชปัญญาโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน ที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดลำพูน วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. พร้อมทั้งกราบเรียนถามความเห็นจากท่านเจ้าประคุณทั้งสอง นอกจากนี้ ยังจะได้ขอผลรายงานการประชุมพระสังฆาธิการในอ.บ้านธิ จำนวน 24 วัด ในวาระการประชุมวาระที่ 6 เรื่องพระตุ๊ดเณรแต๋ว จากพระครูโสภณรัตนสาร เจ้าคณะอำเภอบ้านธิ อีกด้วย เพื่อนำไปเป็นข้อมูลให้สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมได้นำไปตรวจสอบ และดำเนินการต่อไป

        ผู้สื่อข่าวถามว่า เพื่อตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวให้กระจ่างชัด จะให้อดีตสามเณรเบิร์ดไปชี้ตัว 7 พระครูที่ก่อเหตุเหล่านั้นและดำเนินการตามขั้นตอนทางคณะสงฆ์ได้ทันทีหรือไม่ นายอำนาจ กล่าวว่า เรื่องนี้อดีตสามเณรเบิร์ดได้ปรึกษากับตนและให้ข้อมูลต่างๆ ไปหมดแล้ว ทั้งนี้ นายเบิร์ดยืนยันว่าการเปิดเผยเรื่องราว ออกมา ไม่ได้ต้องการจะจับสึกหรือเล่นงานบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ดังนั้น คงจะไม่ขอออกมาชี้ตัว 7 พระครูที่ก่อเหตุ เพราะต้องการให้เรื่องยุติลงโดยเร็ว

        ต่อข้อถามที่ว่า พระสงฆ์ใน จ.ลำพูน ขอให้นายนทีกับอดีตสามเณรเบิร์ดออกมาชี้ตัวผู้กระทำความผิด หากไม่ออกมาชี้ตัวให้ชัดเจนว่าเป็นใคร จะดำเนินการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท สร้างความเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา นายอำนาจ กล่าวว่า ในเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่สามารถดำเนินการได้ทันที หากพระที่ถูกกล่าวหารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และการออกมาร้องเรียนของอดีตสามเณรเบิร์ดจะกระทบต่อสิทธิ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง และเป็นการประจานต่อสาธารณชน พระก็สามารถจะฟ้องร้องได้ ตรงนี้ คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายแต่อย่างใด

        "ในกระบวนการสอบสวนทางคณะสงฆ์ ก็จะเป็นเช่นเดียวกับกระบวนการยุติธรรมในศาล มีฝ่ายผู้ร้องเรียนเป็นโจทก์ผู้เสียหาย และมีฝ่ายที่ถูกร้องเรียนเป็นจำเลย โดยให้โจทก์นำหลักฐานและชี้ตัวผู้กระทำผิด ทั้งนี้ การจะทำให้เรื่องราวทั้งหมดกระจ่างแจ้ง จำเป็นที่อดีตเณรเบิร์ดควรจะต้องออกมาชี้ตัวพระครูทั้ง 7 รูป ที่ซื้อกามจากสามเณร ด้วยเป็นเรื่องเสียหายต่อวงการพระพุทธศาสนา แต่ถ้าอดีตสามเณรเบิร์ดไม่ออกมาชี้ตัว เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของคณะสงฆ์ได้ขับเคลื่อนเดินหน้าต่อ ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่คณะสงฆ์จะลงโทษพระสงฆ์ที่ถูกกล่าวหาเพียงลอยๆ เท่านั้น โดยไม่มีคนมาเป็นพยานชี้ตัว คณะสงฆ์เองก็ไม่ได้ต้องการปกป้องคนที่กระทำผิด แต่ถ้าเราไม่มีหลักฐานชัดเจน เราก็จะไปลงโทษใครเฉยๆ ไม่ได้ และถ้าอดีตสามเณรเบิร์ดยังไม่ออกมาชี้ตัวพระครูทั้ง 7 รูป การที่ออกมาเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวทำนองนี้ ถือเป็นการสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงของคณะสงฆ์ลำพูน อาจถูกฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทได้อีก ดังนั้น จึงควรที่นายเบิร์ดจะออกมาชี้ตัวผู้กระทำผิดให้คณะสงฆ์ทำการสอบสวนทันที เราขอรับรองว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน" นายอำนาจ กล่าว

        เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ที่ร้านอาหารแก่นชัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมือง และเลขานุการกลุ่มเชียงใหม่อาริยะ ได้เปิดแถลงข่าวกรณีที่ถูกกลุ่มพระสงฆ์ในอำเภอบ้านธิเรียกร้องให้ไปกราบขอขมาก่อนสิ้นเดือน ไม่อย่างนั้นจะไปฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทและลักทรัพย์ 

        นายนที เปิดเผยว่า ตนรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากที่มีข่าวว่าจะมีการฟ้องร้อง ทั้งที่ตนและน้องเบิร์ดออกมาให้ข่าว ก็ตรงกับทางมหาเถรสมาคมได้พูดและบอกว่า "เมื่อเห็นอะไรผิดอะไรไม่ถูกต้องก็ให้คนไทยช่วยกันแจ้งเบาะแส" ซึ่งเราก็ได้ทำหน้าที่นั้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ และคิดว่าคงไม่มีอะไรที่จะถอย นอกจากนี้ ตนยังตกใจที่มีการพูดถึงน้องเบิร์ดว่า "ตัวอ้วนดำไม่น่าพิศวาส" หากพูดจากปากสมณเพศหมายความว่าหากหุ่นดีผิวขาวถึงจะยอมรับ ตนตกใจกับพฤติกรรมหลากหลายของพระเณรต่างๆ ที่นับวันจะทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกเสื่อมถอยศรัทธาไปทุกที 

        "ผมอยากจะเรียนว่า ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องเถอะครับ เพราะผมนั้นจะปฏิบัติตามที่มหาเถรสมาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดร.อำนาจ บัวศิริ เป็นผู้ที่ผมเคารพและพูด คุยด้วยมาโดยตลอด และถ้าเกิดท่านบอกให้ผมกับน้องเบิร์ดไปขอโทษ เราก็จะไปขอโทษ เอาตามนี้ เป็นอัน ว่าเรื่องนี้ก็คงจะต้องดำเนินการต่อไป อยากให้สื่อมวลชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย เพราะว่าหากประชาชนเคลื่อนไหวโดยไม่มีองค์ประกอบมาช่วย งานนี้ก็จะเหมือนมวยล้มต้มคนดู พวกที่ปากว่าขาสั่น ก็คงจะต้องลอยนวลต่อไป" นายนที ระบุ 

        นายนที กล่าวด้วยว่า ความจริงวันนี้ตนไม่ได้ตั้งใจจะมาแถลงข่าว แต่เนื่องจากมีข่าวออกมาว่าจะมาฟ้องร้องตน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องออกมาชี้แจง ไม่ใช่มาขู่ว่าจะฟ้องแล้วกลัวไปหมดเลย ขาสั่นหายหัวหายตัวไป ซึ่งไม่ใช่ตน ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาจะต้องชี้ตัวพบกับตนได้ ยืนยันไปแน่ เมื่อท่านประกาศแบบนี้ก็เหมือนกับว่าพวกท่านได้ผลักพวกเรามาชนฝาแล้วครับ งั้นต่อไปนี้เมื่อผลักกันจนชนฝาก็ต้องเจอกันตาต่อตาฟันต่อฟัน แล้วถึงเวลาถ้าผิดผมก็ยินดีรับโทษ เพราะว่าผมก็ถือว่าผมได้ตรวจสอบมาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งเรายังไม่ได้เอ่ยชื่อวัดใดหรือพระรูปใดเลย เพียงแต่ว่ามีเบาะแสแบบนี้ ต่อแต่นี้ต่อไปก็คงเป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมที่จะต้องชี้แจงกับประชาชนได้เข้าใจและไม่สับสน

        "วันพรุ่งนี้ท่านอำนาจท่านมาจังหวัดลำพูน และท่านได้สั่งการมาให้ผมกับน้องเบิร์ดไปร่วมประชุมหรือไปชี้ตัว ตนกับน้องเบิร์ดจะไปทันที หากทางมหาเถรสมาคม บอกมาว่าสมควรที่จะให้มีการชี้ตัวเพื่อให้ชัดเจน ผมก็พร้อมและเชื่อว่าน้องเบิร์ดคงจะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยศาสนา หากทางมหาเถรสมาคม ให้ไปขอโทษ เพราะเห็นว่าพวกเราในฐานะที่เป็นคนมาเปิดเผย และถือว่าเป็นความชั่วความเลวของประชาชน ต่อไปนี้ก็อย่าเปิดเผย อะไรไม่ดีก็ต้องเงียบไว้ อันนั้นเราก็จะไปขอโทษ สรุปคือผมจะทำหน้าที่ตามคำบอกหรือตามหลังของมหาเถรสมาคม ซึ่งผมเคารพและผมเชื่อมั่นว่ามหาเถรสมาคม มีการตัดสินใจที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม ซึ่งผมจะทำตามนั้น" นายนที กล่าว

        ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำพูน ว่า จากการเดินทาง ออกไปสังเกตการณ์ตามวัดต่างๆ ใน อ.บ้านธิ บรรยา กาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีผู้คนเดินทางเข้าไปวัดเหมือนเช่นที่ผ่านมา เช่นที่วัดป่าลาน ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ ซึ่งเป็นวัดของเจ้าคณะอำเภอบ้านธิ มีเพียงคนขับรถของเจ้าคณะ และญาติโยมที่อยู่ใกล้ๆ วัดเท่านั้นที่เดินทางแวะเข้ามาในวัดเป็นช่วงๆ 

        พระครูโสภณรัตนสาร เจ้าคณะอำเภอบ้านธิ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นอาตมารู้สึกเสียใจอย่างลึกๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการทำความเสื่อมเสียมาสู่วงการพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก อาตมาครองสมณเพศมาจนจะถึงบั้นปลายของชีวิต ยังไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงเท่าครั้งนี้ 

        ส่วนที่วัดศรีมูลน้ำล้อม ต.บ้านธิ ภายในวัดบรรยา กาศก็เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีผู้คนเข้าออกอย่างเช่นที่ผ่านมา จะมีก็เพียงญาติๆ ของพระครูอมรโสตถิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดศรีมูลน้ำล้อม ต.บ้านธิ ไม่ถึง 10 คน นั่งเสวนากันภายในวัด ส่วนชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมา ต่างเหลียวดูในวัด แต่ไม่มีผู้ใดออกมาแสดงท่าทีที่ ไม่ประสงค์ และส่อไปในทางที่ไม่ดี ส่วนพระครูอมรโสตถิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดศรีมูลน้ำล้อม หลังขู่จะ ฟ้องอดีตเณรเบิร์ดนั้นได้เก็บตัวเงียบภายในวัด และ ไม่ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าที่เดินทางเข้ามาในวัดแต่อย่างใด

        ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า บรรยากาศโดยทั่วไป ตามวัดวาอารามต่างๆ ของ ต.บ้านธิ และ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ เป็นไปตามปกติ มีเพียงบางวัดเท่านั้นที่ไม่มีผู้คนเดินทางเข้าวัด เพราะต่างคนต่างเกรงกันว่า หากเดินทางเข้าไปในวัดต่างๆ ในช่วงหลังมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น จะถูกมองว่าเป็นตัวการของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

        ในส่วนของประชาชนตามบ้านเรือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านขายของชำ และตลาดสดทั่วไปนั้น มีบางคนยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนส่วนมากที่ทราบข่าว ต่างออกมาพูดว่า พระสงฆ์ใน อ.บ้านธิเป็นลูกน้องเจ๊ดาว บางกลุ่มของประชาชนไม่เชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วความเห็นที่ต่างกัน และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยากให้นายเบิร์ด อดีตสามเณรที่อ้างว่าพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสมีสัมพันธ์ด้วยนั้นออกมาชี้ตัวพระผู้ที่กระทำเช่นนั้น เพื่อที่จะได้สะสางล้างพระทุศีลให้ออกไปจากพระพุทธศาสนา หากการกระทำของพระสงฆ์องค์เจ้าไม่มีจริง เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา ทางคณะสงฆ์จะได้ดำเนินคดีกับคนที่ออกมาให้ข่าวไปตาม กฎหมายของบ้านเมืองต่อไป

        วันเดียวกัน ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ถ.พระราม 4 อดีตสามเณรเบิร์ดไปออกรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ โดยให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกร ถึงกรณีออกมาแฉมีพระระดับสมภารเจ้าวัดจำนวน 7 วัด ใน อ.บ้านธิ จ.ลำพูน มีสัมพันธ์ทางเพศระหว่างตนบวชเป็นสามเณร 

        ทั้งนี้ อดีตสามเณรเบิร์ดยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดที่แถลงข่าวไปนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่เกิดขึ้นมานานกว่า 5 ปีแล้ว และเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์กลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้ขอขมา เพราะไม่ได้มีอะไรกับพระกลุ่มนี้ ส่วนการจะให้ไปชี้ตัวพระที่ซื้อบริการทางเพศนั้น คงทำไม่ได้ เพราะที่ทราบมาพระเหล่านั้นลาสึกออกไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนบ้าง

        อดีตสามเณรเบิร์ด กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ทำให้เกิดความเสียหายกับพระสงฆ์รูปอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงในช่วงที่ไปเที่ยวงานปอยหลวง เป็นการไปเที่ยวสนุกสนานประสาเด็ก ปกติเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นง่าย เมื่อมีพระมาคุยด้วยและชวนไปขายบริการทางเพศครั้งละหมื่นบาทจึงไป เพราะความเป็นเด็กไม่ได้คิดอะไร แถมยังได้เงินอีกต่างหาก เมื่อขายบริการให้พระรูปหนึ่งไปแล้ว จากนั้นมีการบอกต่อกันไปจนเป็นที่รู้กันทั่วไปหมด ตระเวนไปตามวัดต่างๆ ทั่วไปหมด เพราะใจแตกไปแล้ว แต่มาวันหนึ่งเริ่มคิดได้ว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นบาป จึงตัดสินใจกลับมาจาก จ.ลำพูน และลาสึกทันที

        "หลังจากสึกมา ดิฉันทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด เนื่องจากมีคนทำเรื่องพระสงฆ์ที่มั่วสุมทางเพศบ้างแล้ว แต่ไม่มีใครที่รู้จริงและอยู่ร่วมในเหตุการณ์อย่างตัวดิฉัน และที่ออกมาแถลงข่าวนั้นไม่ได้ต้องการอยากดัง หรือต้องการโปรโมตองค์กรที่ทำอยู่แต่อย่างไร ไม่ได้อยากพูดเรื่องที่น่าละอาย เพราะหลังจากออกมาให้ข่าวแล้ว ดิฉันต้องถูกตราหน้าจากสังคมรอบข้างว่า เป็นคนที่เบื้องหน้าดูดี แต่เบื้องหลังเป็นคนชั่ว ยอมรับว่าเป็นคนที่ทำชั่วไว้มาก แต่ต้องการแก้ตัวกับสังคมถึงออกมาพูด อยากให้มีองค์กรที่คอยตรวจสอบพฤติกรรมของพระเณรที่มีพฤติกรรมเป็นกะเทย ให้อยู่ในที่ทางที่ดี เพราะพระที่เป็นกะเทยที่มีจริตนั้น แต่ละคนเป็นคนเก่ง เป็นนักพัฒนาที่ดีได้ หากตัดเรื่องทางเพศออกไป หากเห็นว่าพระรูปใดมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นให้รีบตักเตือนทันที" อดีตเณรกะเทย กล่าว

        จากนั้นอดีตสามเณรเบิร์ดกล่าวขอขมาพระสงฆ์ใน จ.ลำพูน ผ่านรายการดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า ไม่อยากเป็นผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา จึงขอโทษพระคุณเจ้าทุกรูปใน จ.ลำพูน โดยเฉพาะในเขต อ.บ้านธิ และอำเภอข้างเคียง ที่เกิดความเสียหายจากการที่พูดไปโดยไม่รอบคอบ ต้องกราบขออภัย เพราะไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเป็นผู้ที่รักในพระพุทธศาสนามาก อยากให้มีคนกลับมานับถือมากขึ้นกว่าเดิม และจะทำทุกอย่างเพื่อให้พุทธศาสนาและ จ.ลำพูนดีขึ้น แต่บอกปฏิเสธที่จะเดินทางไปขอขมาที่ จ.ลำพูน เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากคนที่ไม่พอใจในเรื่องดังกล่าว และที่ออกมาพูดขอขมาครั้งนี้ไม่ได้กลัวจะถูกฟ้องร้อง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นพระกลุ่มนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

        หลังจากนั้นพิธีกรถามอีกว่า พระสงฆ์ที่ออกมาตอบโต้ต่างระบุว่า อดีตสามเณรเบิร์ดนั้นทั้งอ้วนทั้งดำใครจะไปพิศวาสได้ เจ้าตัวตอบว่า ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ของอย่างนี้ลางเนื้อชอบลางยา บอกไม่ได้เพราะคนที่พิศวาสยังมีอยู่ แต่ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าละอายใจมาก

        เมื่อเวลา 18.00 น. นายนที เปิดเผยอีกครั้ง หลังจากอดีตสามเณรเบิร์ดออกรายการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ช่อง 3 จะไม่ไปชี้ตัวพระที่ซื้อบริการทางเพศ โดยอ้างสึกไปหมดแล้ว พร้อมกับขอขมาพระสังฆาธิการที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช่กลุ่มที่เคยซื้อบริการว่า หลังน้องเบิร์ดออกรายการก็ได้โทรศัพท์มาหาตนทันทีว่าเป็นทางออกที่น้องเบิร์ดได้ตัดสินใจ ที่ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งตนในฐานะที่เป็นรุ่นพี่และเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา ส่วนเรื่องการขอโทษที่น้องเบิร์ดขอโทษผ่านสื่อไปแล้วนั้นก็แล้วแต่ทางท่านพระทั้งหลายที่ลำพูน จะพิจารณาอย่างไร ถ้าให้อภัยก็เลิกแล้วกันไป แต่หากไม่ให้อภัยอยากจะเดินหน้าต่อก็ต้องว่ากันไป

        นายนที กล่าวต่อว่า ตนก็ทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์แบบแล้ว และก็ยังยืนยันสิ่งที่ได้แถลงข่าวเมื่อช่วงเช้านี้ก็ตามนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ตอนนี้เราได้ข่าวว่าน้องเบิร์ดได้ออกรายการโทรทัศน์ และได้พูดว่ามีจริงมีเพศสัมพันธ์จริงแน่นอน แต่พระเหล่านั้นไม่รู้หายไปไหนล้มหายตายจากหรือลาสิกขาไปแล้วนั้น ตนก็ฟังน้องเบิร์ดพูดออกรายการโทรทัศน์ ซึ่งก็แล้วแต่ประชาชนที่ได้รับชมจะใช้วิจารณญาณ และก็แล้วแต่เจ้าอาวาสทั้งหลายจะพิจารณาเอาเอง

        "ตอนแรกน้องเบิร์ดจะไม่ยอมออกรายการข่าวด้วยซ้ำไป และได้โทรศัพท์มาติดต่อกับผม ผมก็ได้บอกกับน้องเบิร์ด ว่าหากไม่ยอมออกและหนีหายก็เท่ากับว่าเราเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ก็ให้ออกไปและหาทางออกให้เอาทุกอย่างมันคลี่คลาย ผมบอกว่าไม่ต้องห่วงพี่ พี่เป็นผู้ใหญ่พี่มีวิธีการของพี่มีจุดยืนของพี่น้องเบิร์ดยังเด็ก เมื่อถูกเสียดทานถูกข่มขู่ หลายทางก็ทนไม่ไหวและเกิดความกลัว จึงต้องหาทางออกแบบนั้น" นายนทีกล่าว

        รายงานข่าวเปิดเผยว่า สาเหตุที่น้องเบิร์ดออกมาพูดปฏิเสธ เนื่องจากมีการขอให้น้องเบิร์ด ไม่ต้องพูดอะไรมากหรือให้ลึก ให้ออกมาปฏิเสธให้พูดหาทาง ออกให้ตัวเอง เรื่องทุกอย่างทางมหาเถรสมาคมจะดำเนินการจัดการเองต่อไป เพราะได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ส่วนทางมหาเถรสมาคมจะหาทางออกอย่างไรเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็ต้องรอดูตอนนายอำนาจเดินทางไปที่ จ.ลำพูนก่อน

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอดีตสามเณรเบิร์ด ยอมเปิดเผยชื่อแล้วว่าตนชื่อนายกิตติพันธ์ พร้อมมูล อายุ 22 ปี




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เณรเบิร์ด พลิ้ว 7 สมภารสึกแล้ว ไม่ไปชี้ตัว แต่ย้ำจริง อัปเดตล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 10:14:48 27,179 อ่าน
TOP