เลือกที่จะมองโลกแง่ดี วิธีคิดของ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (คมชัดลึก)
ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ถึงเวลานี้ดูเหมือน "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ จะยังคงทำงานแบบไม่มีวันพัก เวลานี้มีละครทั้ง มนต์รักข้าวต้มมัด ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ละครเรื่อง คุณพ่อจอมเฟี้ยว ออกอากาศทางช่อง 9 และผลงานอัลบั้มใหม่ "ฟิล์มฟอร์เวิร์ด" แต่ถึงงานจะเยอะแค่ไหน ก็ไม่วายมีเสียงเม้าท์ว่า ช่วงนี้เป็นช่วง "ฟิล์มขาลง" จริงหรือเท็จอย่างไร และเขาจะรู้สึกกับเสียงเม้าท์นี้อย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝากกันแล้วที่นี่
คุยกันเรื่องผลงาน
กระแสตอบรับ "มนต์รักข้าวต้มมัด"
ฟิล์ม : ถือว่าดี มากๆ ไปไหนมาไหน คนเรียกว่าตงฉินหมดแล้ว คนชอบกันเยอะ ก็ดีใจและก็ขอบคุณด้วย อาจจะคนชอบเพราะเห็นผมเปลี่ยนภาพ ไม่เคยเห็นเล่นแบบนี้ ไม่ติดหล่อ ดูน่ารักดี ก็ดีใจ หายเหนื่อย
เล่นไม่ห่วงภาพพระเอกเลยนะ
ฟิล์ม : จริงๆ ไม่ค่อยห่วงภาพพระเอกเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อหรือดูดีเลย เราเล่นไปตามบท แสดงไปตามแบบที่เขาเขียนไว้ให้ เราต้องเป็นตัวละครที่เขาเขียนมาให้ได้ ผมใส่ใจกับทุกตัวละครที่ผมเล่นแต่ละเรื่อง ถ้าเกิดเรื่องไหนอยากให้ผมเท่ ผมก็เท่ได้ ถ้าอยากให้ผมหล่อก็หล่อได้ ให้ทุเรศ น่าเกลียด ตลกก็ทำได้หมดเลย เพราะว่าผมชอบการแสดง
แต่ได้ยินว่าถูกช่อง 3 หั่นด้วย
ฟิล์ม : ไม่น่าจะใช่นะ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะทางโพลีพลัสก็เช็กอยู่ตลอด แล้วมันมีเรตติ้งออกมาเป็นตัวเลขอยู่แล้ว ก็ดีกว่าหลายเรื่อง ไม่รู้เหมือนกัน เรามีหน้าที่แสดงก็แสดงไป ตรงจุดนั้นผมไม่ค่อยทราบเท่าไหร่
กับละคร "คุณพ่อจอมเฟี้ยว" ทางช่อง 9
ฟิล์ม : เป็นละครแนวคอมเมดี้ สอนสังคม เหมือนให้เด็กที่เพิ่งจบหันมาทำงาน คนดูก็จะได้เห็นสังคมในทุกวันนี้งานการหายาก เด็กจบมาใหม่ก็ควรหางานทำ ไม่ควรขอเงินพ่อแม่ใช้ และเป็นการให้แง่คิดพ่อแม่ให้ดูแลลูกให้ดี อย่าให้หลงทางพลัดพรากกันไป
อาร์เอสกลับมาทำละครเรื่องแรก ก็วางให้เป็นพระเอก แสดงว่ามั่นใจว่าฟิล์มจะเรียกคนดูได้
ฟิล์ม : ตรงนั้นเราก็ได้แต่หวัง อยากให้คนดูชอบเหมือนกัน ซึ่งคนจะชอบไหมก็ต้องรอดู น่าจะออกอากาศประมาณเดือนหน้า
ดูเหมือนภาพนักแสดงจะชัดกว่านักร้อง
ฟิล์ม : จริงๆ ในกราฟชีวิตของผมที่อาร์เอสวางไว้ให้ ค่อนข้างเป็นรูปแบบเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเหมือนกันหมด ในปีนี้ถ้าผมเล่นหนังแล้ว ผมก็ต้องมีละคร ต้องมีเพลง มันเป็นอย่างนี้ทุกปี ผมคิดว่าทุกอย่างมันเท่ากันหมด เพราะผมก็ออกเทปตลอด เล่นละครตลอด ถ่ายหนังตลอด แล้วก็ยังมีโฆษณา พิธีกรตลอด เป็นงานที่ทางค่ายมอบมาให้
ทำไมถึงได้ทำครบวงจรขนาดนี้
ฟิล์ม : ผมคิดว่าเขาคงเห็นความสามารถในแต่ละคน บางคนอาจจะไม่ถนัดแสดง บางคนอาจจะไม่ถนัดทางด้านการร้องเพลง มันก็ไปบังคับในตัวบุคคลไม่ได้ แต่พอดีผมชอบหมดเลย ผมก็เลยไปขอเขา ว่าขอเล่นทุกอย่างเลยนะ เพราะผมชอบวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เข้ามาก็อยากทำให้เต็มที่ ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อย มันมีความสุขที่ได้ทำงานที่ตนเองรัก
กับผลงานเพลงอัลบั้มใหม่ "ฟิล์ม ฟอร์เวิร์ด" ล่ะ
ฟิล์ม : ตอนนี้เพิ่งจะปล่อยมิวสิกวิดีโอไปเอง ก็น่าจะเริ่มๆ เห็นกันแล้วแหละ ในวิทยุก็เริ่มเปิดให้ฟังแล้ว ความแตกต่างก็คือผมโตขึ้น ได้ทำงาน ได้ใส่ใจในทุกเพลงมากขึ้น ทั้งเอ็มวี คาราโอเกะ ผมก็เป็นโปรดิวเซอร์เอง ถ่ายเอง คิดเองในส่วนคาราโอเกะ แต่ส่วนของเพลงได้ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดั่งใจเอง แล้วคำว่า ฟิล์ม ฟอร์เวิร์ด ก็คือผมอยากส่งต่อความรู้สึกดีๆ คืนให้แก่แฟนๆ ให้พวกคนที่คอยเชียร์ฟิล์ม และอยากให้เขาส่งต่อความรู้สึกดีๆ ที่ฟิล์มมีให้ ไปให้แก่ทุกๆ คน หนึ่งในนั้นมีเพลงที่แต่งให้แก่ฟิล์มแฟมิลี่ แฟนๆ ของฟิล์มทั้งหลายที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย ก็ดีใจอยู่มา 6 ปี แล้วยังมีคนรักขนาดนี้ ก็ขอบคุณมากเลย
ทิศทางเพลงที่เปลี่ยนไป เราต้องปรับตัวตามอย่างไรบ้าง
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วตรงนี้ผมไม่ค่อยเก่งมาก ก็จะเป็นทางบริษัทดูแลให้หมดเลย ก็โชคดีที่บริษัทดูแลให้หมดเลย เพราะผมไม่ถนัด ผมจะไปถนัดทางด้านถ่ายทำด้านโปรดักชั่นมากกว่า พวกเพลงไม่ค่อยถนัดมากเท่าไหร่
มองพัฒนาการตัวเองไปถึงไหนแล้ว
ฟิล์ม : ถ้าเป็นผมมองตัวเอง ผมจะไม่ค่อยเห็น เพราะว่าผมใช้ชีวิตอยู่ทุกวันมันก็เคยชิน แต่สิ่งที่เห็นในตัวเองคือความตั้งใจในแต่ละงานที่ออกมา และสิ่งที่มันออกมาจากผู้ชม เสียงตอบรับทุกเสียง นั่นแหละคือเครื่องการันตีว่าเราพัฒนาขึ้นแล้วนะ เหมือนที่วันแรกเราเข้ามาก็ยังเป็นเด็กอนุบาล ต่อมาก็ค่อยเป็นประถม และมหาวิทยาลัย มันก็ต้องพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
จะแถลงข่าวเปิดอัลบั้มเมื่อไหร่
ฟิล์ม : จะแถลงข่าวเมื่อไหร่ผมยังไม่รู้เลย เพราะคิวงานค่อนข้างแน่นมาก ละครทางช่อง 9 ก็เร่ง แล้วก็ยังต้องไปสร้างบ้านที่ต่างประเทศด้วย กับโครงการฮาบิแทท เป็นมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากล ซึ่งเขาให้ผมเป็นนานเหมือนกัน แต่ก็ดีนะตอนแรกก็มีเหนื่อยๆ บ้าง แต่ตอนนี้เหมือนรักไปแล้ว เพราะมันทำงานหนักมาก ไปขุด เจาะ ทุบ สร้าง
ไปสร้างบ้านให้มากี่ประเทศแล้ว
ฟิล์ม : หลายประเทศมาก ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย สเปน อาเจนตินา เกาหลี ไทย สิงคโปร์ ซึ่งผมทำตรงนี้ ก็รู้สึกว่ามันดี ได้บุญ เราได้เห็นคนที่เขาขาดแคลนบ้าน มันลำบากมากๆ เพราะบ้านเป็นปัจจัยที่สำคัญ เราเห็นคนที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน กำลังจะมีบ้านของตัวเอง มันตื้นตัน มีความสุข เพราะหนึ่งในนั้นมันเป็นมือเราด้วย ที่ไปช่วยเขาก่อปูนขึ้นมาให้เป็นที่อยู่อาศัย พอเสร็จแล้วเรามอบกุญแจบ้านให้เขา เขาก็ร้องไห้ มากอดเรา ถึงจะอยู่คนละภาษา พูดจาไม่รู้เรื่อง แต่สายตาที่มองกันมันรู้สึกดีๆ และมีคุณค่ามาก
เปรี้ยงหรือแป้ก
รู้สึกอย่างไรที่ถูกจับตาตลอดกับทุกผลงาน
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วผมรู้สึกดีใจมากกว่านะ ไม่ได้เอาความกดดันตรงนั้นมาเครียด ดีใจที่ทุกงานมีคนรอ ชม ฟังอยู่ มันดีใจทุกครั้งที่รู้ว่าทำไปเพื่อใคร ดีกว่าเราไม่รู้ว่าจะทำให้ใครดู ใครฟัง แต่ของผมนี่รู้หมดเลยว่า ทำแล้วใครจะดู ใครจะฟัง ใครจะชม ก็เลยดีใจ และมีแรงผลักดันให้พยายามวิ่งต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ท้อไม่เหนื่อย
ถึงแม้ว่าจะถูกเปรียบเทียบตลอดว่าจะเปรี้ยงหรือแป้กกว่าผลงานครั้งที่ผ่านมา
ฟิล์ม : ผมว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติ พวกพี่สื่อมวลชนก็มีแซวบ้าง เล่นๆ กันบ้าง แต่เดี๋ยวไม่กี่วันเขาก็ลงแก้ให้เราแล้ว แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งไม่มีคนเขียนสิแปลก แสดงว่าคุณไม่ดังแล้ว หลุดผังแล้ว ผมก็อยากให้เขาเขียนถึงผมไปเรื่อยๆ จะว่าจะชมอะไรก็ได้ เขียนไปเถอะ ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะพี่สื่อมวลชนนี่แหละ อย่างน้อยหนึ่งในหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารก็ยังมีหน้าผมอยู่
เลือกที่จะมองในแง่บวกมากกว่า
ฟิล์ม : ผมเป็นคนมองแง่บวกมากกว่า ไม่เคยมองในแง่ลบเลย เพราะที่บ้านผมปลูกฝังให้มองแง่บวก
แคร์กับเรื่องชื่อเสียงหรือความดังขนาดไหน
ฟิล์ม : ไม่แคร์นะ ผมแคร์แค่ว่ามีคนรักไหม จะอยู่ได้นานหรือเปล่า อันนั้นสำคัญกว่า ความดัง ชื่อเสียง มันเป็นแค่วูบแรกที่เข้าวงการมา แต่ทำยังไงคุณถึงจะมีคนรักให้มากที่สุด ทำยังไงถึงจะอยู่ได้นานที่สุด ครองใจแฟนๆ ให้นานที่สุด อันนั้นน่ะยาก
มีวิธีการครองใจแฟนๆ อย่างไร
ฟิล์ม : อาจจะเป็นที่ผมเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง วันแรกที่ผมเข้ามา ผมเป็นแบบไหน วันนี้ผมก็ยังเป็นแบบนั้น ผมยึดหลักว่าคนชอบเราจากที่เขาเห็นภาพแรกของเรา เราก็ไม่ควรจะเปลี่ยนตัวเองให้มันเหลิงหรือเสียผู้เสียคนไป แค่วงการมายา มันไม่ใช่ตรงนั้น ผมพยายามเตือนสติตัวเองตลอดว่าคนรักเราเพราะเราเป็นแบบนี้นะ อย่าไปคิดว่าเราดัง เราดีแล้ว หรือเราประสบความสำเร็จแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเกิดว่าไม่มีแฟนๆ ไม่มีสื่อมวลชน เราก็ไม่มีวันนี้นะ ผมจะคอยเตือนสติตัวเองตลอดจะได้ไม่เหลิง แล้วผมก็โชคดีที่มีครอบครัวที่ดี มีบริษัทที่ดี คอยช่วยเตือนสติผมอยู่ตลอด
คิดจะย้ายสังกัดบ้างไหม
ฟิล์ม : ไม่เคยคิดเลย เพราะอาร์เอสสร้างผมมา ผมก็ต้องอยู่กับเขา และผมคิดว่าอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน มันก็คือการทำงานในวงการบันเทิง ทำงานที่เรารัก ทำเพื่อคนที่เรารักเหมือนกัน ผมยึดหลักความกตัญญู เขาสร้างผม ผมก็ต้องอยู่กับเขา
ตอนนี้มีเป้าหมายของตนเองอย่างไร
ฟิล์ม : ก็จะอยู่ไปให้ได้นานที่สุด จนกว่าจะไม่มีใครต้องการ จะหมั่นฝึกฝน ฝึกซ้อมให้ผลงานออกมาดีที่สุด วันใดวันหนึ่ง ผมอาจจะมีโอกาสได้ไปสร้างชื่อเสียงต่างแดนก็ได้ ซึ่งผมมั่นใจว่าถ้าผมได้ไป ผมก็มีโอกาสทำได้
พูดอย่างนี้แสดงว่ามีงานต่างประเทศติดต่อมา
ฟิล์ม : มีติดต่อตลอด ประเทศในแถบเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีนนี่ติดต่อมาประจำ อย่างเกาหลีเขาอยากให้ไปเล่นละคร ญี่ปุ่นกับจีนก็อยากให้ไปทำเพลง แต่ผู้ใหญ่บอกมันยังไม่ถึงเวลา ผมก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ เรายังไม่เก่ง ยังไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้เสียดาย เพราะเรายังอายุแค่นี้ ยังทำอะไรได้อีกเยอะ ไม่ช้าจนเกินไป
เปิด(หัว)ใจ
มีรูปควงกับ "เจ๊เป็ด" สุภี พงษ์พานิช ผู้บริหารแบงก์ดัง
ฟิล์ม : ไร้สาระ ผมไม่รู้เขาเขียนกันไปได้ยังไง พี่เป็ดเป็นใครในวงการเขาก็รู้กันหมด แต่ไม่เป็นไร ผมบริสุทธิ์ใจ ที่เขาจะมาอุปถัมภ์ผมหรอก แต่ผมก็ไม่ซีเรียส ถ้าสนุกในการเขียนข่าวก็ไม่เป็นไร ถ้าคนอ่านจะเชื่อ ก็ไม่ซีเรียส แต่อยากให้ใช้วิจารณญาณเวลาอ่านข่าวด้วย
ข่าวกับ "ขวัญ" อุษามณี ไวทยานนท์
ฟิล์ม : กับขวัญก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีอะไร เราก็แค่มีความรู้สึกดีๆ ให้กันแค่นั้น แต่ตอนนี้ไม่ได้เจอกันเลย เพราะผมเองก็งานเยอะ ก็จะมีส่งข่าวให้กันว่าสบายดีไหม อะไรอย่างนี้
กับ ลีดาเฮ ล่ะ
ฟิล์ม : นี่ก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ทางนั้นเขาก็โทรมาถามเหมือนกัน ว่ามีข่าวกับเราเหรอ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เขาก็เข้าใจกับข่าว ก็มีโทรคุยกันบ้าง แต่ไม่บ่อยมาก เพราะผมทำแต่งาน 6 ปียังไม่มีวันหยุดเลย
มีแฟนหรือยัง
ฟิล์ม : มีแต่เพื่อน ไม่มีใครอยู่กับผมได้หรอก เพราะผมไม่มีเวลาเทกแคร์ ผมสงสารเขา คบไปเราก็จะบาปเปล่าๆ ทำให้เขาทุกข์ทรมาน สำหรับผมความรักจะมาเป็นอันดับท้ายๆ เพราะมันต้องทำอะไรให้ครบก่อน ต้องมั่นใจว่ามีเขาแล้วจะไม่ลำบาก ความรักผมก็เคยมีมาหมดแล้ว ตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะผูกพันกับใคร อย่างถ้าผมไปมีข่าวกับใคร แล้วเขาอ่านข่าว เขาก็เครียดอีก มันบาปที่ไปทำให้เขาทุกข์ ก็ปลงดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ
แหม...โล่งอกกันล่ะซี้...สาวๆ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เรื่อง... "อารยา มาลัยเล็ก"