คุยกับนางเอกหน้าหวาน แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ (คมชัดลึก)
แจ้งเกิด
ความเปลี่ยนแปลง หลังละคร "ดงผู้ดี" ฉาย
แต้ว : เมื่อก่อนก็อาจจะจำได้จากโฆษณา แต่ตอนนี้คนจำได้จากละครเยอะ ก็ดีใจ รู้สึกว่าพอคนพูด ว่าละครสนุก เราก็ดีใจแล้ว แต้วก็ได้ดูผลงานตัวเองบ้าง ดูด้วยกันกับคุณพ่อคุณแม่ เวลาละครมา คุณแม่ก็จะบอกให้ทุกคนเงียบ เพราะจะดูละคร (หัวเราะ) ถ้าเทียบกับละครเรื่องที่ผ่านมา ก็มองว่าตัวเองมีพัฒนาการมากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ว่าจะดีที่สุด ยังต้องปรับปรุงหลายอย่าง อย่างเรื่องเสียง เป็นต้น
ตอนแรกคิดไหมจะได้รับผลตอบรับขนาดนี้
แต้ว : ตอนแรกไม่คิด ก็คิดแค่ว่าน่าจะมีคนจำได้มากขึ้น แต่ไม่คิดว่าไปไหนคนจะเรียกชื่อ ขม ตลอด
ถือว่าแจ้งเกิดเลย
แต้ว : คงไม่ขนาดนั้น เรียกว่าเป็นอีกบททดสอบหนึ่ง ให้รู้ว่าแบบนี้เป็นยังไง คงไม่ถึงกับแจ้งเกิด เรายังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อีก
ย้อนกลับไปวันที่เข้าฉากครั้งแรก
แต้ว : จำได้เลยที่ไปเข้าฉากวันแรก ต้องเข้าฉากกับพี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พี่นกต้องมาว่า มาฉีกรูป ก็เกร็งที่เป็นพี่นก เคยดูแต่ผลงานพี่เขา แต่ไม่คิดว่าจะได้เล่นละครด้วยกัน ยิ่งเป็นฉากที่เขาต้องใส่อารมณ์กับเรา แต่ก็พยายามไม่กดดันตัวเอง พี่นกช่วยส่งอารมณ์มากๆ ในบทให้เล่น 10 แต่พี่นกเล่นไป 20 ในบทให้ด่า ให้ตบอย่างเดียว แต่พี่นกจะยีหัว กระชากมาก่อน แต้วก็จะตกใจจริง
ในเรื่องต้องร้องไห้เยอะไหม
แต้ว : เยอะ อย่างวันหนึ่งที่ไปถ่ายละคร ต้องมีร้องไห้หนึ่งซีน เรียกว่าร้องไห้ทุกวัน ตอนนั้นตาบวมมาก ต้องเอาช้อนชาแช่ตู้เย็นประคบตา ไม่เครียดติดกลับบ้าน แต่เคยมีฉากหนึ่งที่ต้องร้องเพลงด้วย ร้องไห้ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะทำได้ไง แต่ก็ผ่านไปได้ แต่กลับมาหลังจากวันนั้นเครียดมาก ตอนขึ้นรถ ปวดหัวมากๆ
ปกติชีวิตจริงร้องไห้บ่อยไหม
แต้ว : ไม่ค่อยร้องไห้ สงสัยแต้วจะไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องร้องไห้ ก็คิดว่าถ้าเป็นชีวิตจริง คนต้องเจอเรื่องขนาดนี้ ก็คงจะต้องร้องไห้ แต่คงหายากคนจะมีชีวิตแบบนี้ โชคดีที่ไม่เป็นเรา แต่ถ้าแต้วต้องเจอปัญหาแบบนี้ แต้วก็คงจะมีตอบโต้ ไม่ไหวกันบ้าง คงไม่ได้อดทนกันขนาดนี้เหมือนอย่างขม มีบ้างเหมือนกัน ที่เล่นไปก็อึดอัดไป แต่ในตัวละคร ขม เขามีหลายอย่างกดดัน เพราะต้องอยู่ในบ้านเขาด้วย และเป็นคนมีบุญคุณ ถ้าตอบโต้ก็ดูเนรคุณ
ขม กับ แต้ว แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร
แต้ว : ก็น่าจะต่าง ในเรื่องขมจะเรียบร้อยมาก แต่ตัวแต้วไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เปรี้ยวมากมาย แต้วก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไป มีทั้งมุมเฮฮา สนุกอยู่กับเพื่อน แต่จะไม่ค่อยกล้าคุยกับใครก่อน ถ้าเจอคนไม่รู้จัก ก็ไม่กล้าเข้าไปคุยกับเขาเลย คนก็จะคิดว่าแต้วเรียบร้อย แต่จริงๆ อยู่กับเพื่อนจะคุยเยอะ
กว่าจะได้เป็นดาว
วงการบันเทิง เปลี่ยนแปลงแต้วไปอย่างไรบ้าง
แต้ว : เข้ามาตรงนี้ ทำให้แต้วกล้าแสดงออกมากขึ้น ถ้าวันนี้เป็นแต้วที่ไม่เคยถ่ายโฆษณาก็คงจะเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง เพราะตอนแรกเป็นคนไม่กล้าแสดงออก แต่วันหนึ่งพอได้โฆษณา อยู่ดีๆ ต้องไปทำอะไรไม่รู้หน้ากล้อง ก็เลยกล้ามากขึ้น
จำวันที่ไปแคสติ้งงานครั้งแรกได้ไหม
แต้ว : ครั้งแรกจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าชิ้นแรกที่แคสติ้งแล้วได้งาน คือได้ถ่ายภาพนิ่ง เขาหาเด็กที่ไปเล่นน้ำที่ทะเล ให้วักน้ำ เขาให้ทำท่าวักน้ำเล่น โดยไม่มีน้ำทะเล แล้วต้องใส่ชุดเหมือนอยู่ทะเล แรกๆ ก็เขิน เพราะเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ต้องมาทำท่าอะไรแบบนั้นก็ตลกดี แต่ช่างภาพเขาก็ช่วยชมว่าดีๆ อย่างนั้นแหละ (หัวเราะ) พอคนชมว่าดี เราก็ดีเหรอ ก็ทำๆ ไป มันไม่ได้เสียหายอะไร พอได้ก็แอบภูมิใจ เพราะก่อนหน้านี้ แคสมา 30-40 ชิ้น ไม่เคยได้เลย ก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติ ไม่ต้องเรียบร้อยขนาดนั้นก็ได้
แคสติ้งเยอะขนาดนี้ แสดงว่าฝันอยากเข้าวงการบันเทิง
แต้ว : จริงๆ แรกๆ ไม่ได้คิดว่าจะมุมานะขนาดนั้น บอกกับแม่ตลอดจะไม่ไป เวลาเลิกเรียน ก็คิดแต่ว่าจะกลับบ้านนอนดูทีวี พอแม่บอกว่าให้ไปแคสติ้ง ก็งอแง อ้างว่าการบ้านเยอะ แต่แม่จะบังคับให้ไป แต่พอได้ลองทำ ก็รู้สึกว่ามันเริ่มสนุกดี ก็ไปสิ ไม่เสียหายอะไร คุณแม่ให้ไปตั้งแต่อายุ 15-16 จริงๆ ตอนแรกเข้ามาเพราะโมเดลลิ่ง และแม่ก็ไม่ได้สนับสนุน แต่พอเริ่มทำ แม่ก็บอกว่าก็ดีนะ ดูกล้าแสดงออกดี คุณแม่ก็อยากให้มีโอกาส ให้ลองไปดู
เริ่มแรกมองภาพวงการบันเทิงอย่างไร
แต้ว : ตอนเข้ามาเริ่มแคสโฆษณา ก็ไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดง คิดแค่ว่าถ่ายแค่โฆษณา เพราะวงการบันเทิงมันไกลตัวมาก แค่นั่งดูหนัง ดูทีวี ก็พอแล้ว และตอนแรกก็คิดว่างานแสดงไม่น่าจะยาก แต่พอสัมผัสจริง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าที่คนหนึ่งจะเป็นตัวละครหนึ่งได้ ที่ไม่ใช่ตัวเขา เขาก็ต้องศึกษามากมาย ไม่ใช่แค่นักแสดง ผู้กำกับก็ต้องกำกับดี มันหลายอย่าง กว่าจะเป็นภาพออกมาให้คนดูไม่กี่นาที
ถึงวันนี้ตัดสินใจถูกไหมที่เข้ามาอยู่จุดนี้
แต้ว : ถือว่าตัดสินใจถูก ถ้าไม่เข้ามา ก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวงการนี้เลย และเราก็ได้ความมั่นใจมากขึ้น ได้มีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไปที่แค่เรียนก็กลับบ้าน แต่นี่เราได้เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบว่าต้องคอยทำอะไรยังไงบ้าง
พอมีชื่อเสียง ก็เริ่มต้องมีข่าว กังวลไหม
แต้ว : ตอนนี้ยังไม่มีอะไร เดี๋ยวต้องรอดูแล้วค่อยว่าอีกที แต้วไม่กลัวว่าจะเป็นข่าว แต่ไม่อยากมีข่าวที่ไม่ค่อยดี แต้วจะค่อนข้างตกใจกับพาดหัวข่าวบางอย่าง บางทีมันดูน่ากลัวมาก หรือไม่ก็คลิป มันดูน่ากลัว อย่างตอนนั้นแต้วทำโทรศัพท์หาย แต่ไม่น่าจะมีอะไร เพราะแต้วไม่เคยถ่ายอะไรแบบนั้น
ต้องระวังตัวมากขึ้นไหม
แต้ว : เป็นดาราก็ระวังตัวประมาณหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียความเป็นส่วนตัวในชีวิต แค่ทำให้ดูดีในมาตรฐานคนทั่วไป ไม่ใช่ดีเด่นมาก แต่ก็ต้องระวังตัวกว่าคนทั่วไปนิดหนึ่ง
สถาปนิกแต้ว
เป้าหมายก่อนหน้านี้คืออะไร
แต้ว : คงเป็นเรื่องเอนทรานซ์ ก่อนหน้านี้อยากเอนท์ติดคณะสถาปัตย์ให้ได้ เพราะแต้ว อยากเป็นสถาปนิกเหมือนคุณแม่ ซึ่งตอนนี้เป้าหมายนั้นก็ยังอยู่ เพราะพอได้เรียนแล้วก็สนุกดีถึงแม้จะเหนื่อย เป็นอาชีพที่คิดว่าน่าจะเข้ากับเรา
ความรู้สึกที่เอนทรานซ์ติดสถาปัตย์ จุฬาฯ
แต้ว : ดีใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ เพราะตอนแรกวัดแววความเป็นสถาปัตย์ แต้วทำข้อสอบไม่ทัน เพราะเป็นคนทำอะไรช้า แต่พอเฉลี่ยๆ รวมๆ คะแนนได้ มันถึง ก็ดีใจมาก เพราะใฝ่ฝันมาแต่เด็ก อยากเป็นอย่างคุณแม่ ใครถามก็บอกอยากเป็นสถาปนิก ก็ดีใจมาก รู้สึกว่ามันน่าสนุก พอมาเรียนก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ คิดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ยาก แต่เราก็ต้องพยายาม เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ตอนนี้ขึ้นปี 3 อีก 2 ปีถึงจะจบ
เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย
แต้ว : แรกๆ บ่นมากๆ งอแง ไม่ไหวแล้วเนี่ย ไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองจะเป็นยังไง งานก็ต้องส่ง บทก็ต้องอ่าน แต่พอผ่านมาได้ ก็รู้สึกว่าเราก็ทำได้นะ
เป้าหมายยังไม่เปลี่ยนนะ
แต้ว : ยังไม่เปลี่ยน เพราะคิดว่าถ้าเราเบนเข็ม หรือเลือกจะดร็อปเรียน ก็ยากที่จะกลับมาต่อให้ติด เราก็ค่อยๆ ทำไป คิดว่าควรเอาเรียนเป็นหลักไปก่อน
อนาคตมีสถาปนิกชื่อแต้วแน่
แต้ว : ก็ไม่แน่ใจ (หัวเราะ)
ความเป็นผู้หญิงเป็นอุปสรรคต่ออาชีพไหม
แต้ว : อาจจะเป็นบ้าง คนอาจจะเชื่อมือผู้ชายมากกว่า แต่บางทีผู้ชายก็อาจจะมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปก็ได้ เหมือนดีกันไปคนละอย่าง
บ้านในฝัน
แต้ว : ช่วงนี้ถ้าเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นก็สวยดี แต่ถ้าให้แต้วทำบ้านตัวเอง ก็ไม่คิดว่าจะทำโมเดิร์นมาก เพราะบางทีโมเดิร์นก็ใช่ว่าจะสบาย อย่างเก้าอี้ที่ออกแบบให้ทันสมัย นั่งแล้วไม่สบาย แข็งไป ก็คงเป็นผสมๆ มากกว่าให้ดูเป็นตัวเรา
รักในวัยเรียน
ตอนนี้มีคนที่คบหาดูใจกันไหม
แต้ว : มีคนที่คุยกันบ้าง โทรคุยกันบ้าง
นิยามความรักของแต้ว
แต้ว : คงเป็นเรื่องความเข้าใจซึ่งกันและกัน เข้าใจว่าคนนี้ทำแบบนี้ไปเพราะอะไร เข้าใจในตัวตนของกันและกัน
มองรักในวัยเรียนอย่างไร
แต้ว : มันก็อาจจะไม่ยืนยาวจริง เพราะเรายังมีชีวิตที่จะต้องไปเจออะไรอีกมากมาย แต่ก็เอาแค่ตอนนี้มีความสุข ไม่มีอะไรน่าปวดหัว ส่วนอนาคตจะเป็นคนนี้หรือไม่ ไม่แน่ใจ
สวยอย่างนี้มีหนุ่มจีบเยอะไหม
แต้ว : ไม่มีหนุ่มจีบเยอะ เพราะแต้วเป็นคนไม่กล้าพูด จะไม่มีอารมณ์แบบเข้ามาจีบ แต่จะเป็นแนวแบบรู้มาอีกทีว่าคนนี้ชอบ
ยี้ผู้ชายแบบไหน
แต้ว : ไม่ชอบคนที่เข้ามาจีบแบบจู่โจม เพราะตกใจ ต้องจีบแบบมีกลเม็ด มีชั้นเชิงนิดหนึ่ง ถ้าทำอะไรให้เรา โดยที่เราไม่คิดว่าเป็นเขา มันก็ตื่นเต้นดี
ได้ยินชัดไหมจ๊ะหนุ่มๆ
ประวัติ...
เธอคนนี้ชื่อ...ณฐพร เตมีรักษ์
ชื่อเล่น...แต้ว
เกิดวันที่...6 กุมภาพันธ์ 2532
ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิง...ถ่ายโฆษณา
ผลงานสร้างชื่อ...ดงผู้ดี
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เรื่อง : อารยา มาลัยเล็ก
ภาพ : วริศรา วุฒิกุล