x close

ยังชอบ คิ้ม จิ๊ก แค่แนะระวังคำพูด

จิ๊ก เนาวรัตน์


ยังชอบ คิ้ม จิ๊ก แค่แนะระวังคำพูด (สยามดารา)

          เหตุเกิดเพราะแซวกันแรงเกินไป กลายเป็นกระแสข่าวเดือดจากกลางผับแห่งหนึ่งระหว่าง ดาราสาวรุ่นใหญ่ ''เจ๊จิ๊ก-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์" กับนักร้องสาวเสียงดีอย่าง ''เจนนิเฟอร์ คิ้ม'' ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ไปเปิดใจถึงความรู้สึกที่ถูกเหน็บด้วยคำพูดรุนแรงในรายการเน็ค สเตชั่น บาย พรหมพร ที่วิกสนามเป้า อีกรอบ โดยมี ''เอิ๊ก-พรหมพร ยูวเวส" และ ''อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน" ทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการ

ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังหน่อย?

          จิ๊ก : เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะที่ร้านเฟค อตก. เป็นการเลี้ยงครบรอบบาร์ ผับ เขาก็เชิญเราไปด้วยไปเป็นแขกวีไอพี คุณคิ้มเป็นพิธีกรในงาน และเขาก็พูดว่าวันนี้เก้ง กวาง เต็มไปหมดเลย วันนี้ดิฉันดีใจมากที่มางานแบบนี้ แล้วก็บอกว่ามีกะเทยเฒ่า มีอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมดเลย เขาก็แซวแรง เราก็เลยไปหลบหลังเพื่อนชื่อปุ้ยค่ะ เขาเห็นพอดีเขาบอกว่าอุ๊ย ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็น....วันนี้ มี....แก่ๆ มานั่งอยู่อีกตัวหนึ่ง เราก็ตกใจ แล้วตอนนี้ไม่มีใครหัวเราะเลย ทุกคนก็เงียบกันหมดเลย แม้กระทั่ง กะเทยยังหันมามองหน้าเราหมดทุกคนเลยนะ ทุกคนก็บอกแรงพี่จิ๊กแรงนะ ทุกคนพูดแบบนี้หมด แต่คิ้มอยู่บนเวที  พี่หยิบกระเป๋าจะลุกกลับบ้านแล้ว แต่เพื่อนบอกว่าอย่าเพิ่งไปสิ ฟังพี่คิ้มร้องเพลงก่อน เราเลยบอกไม่ฟังแล้ว แล้วมีข่าวบอกว่าเราจะขึ้นไปเอาเรื่อง แต่เรื่องตั้งแต่วันนั้นยังไม่เคยเจอหน้ากันอีกเลย

ตั้งแต่วันนั้นมายังไม่มาขอโทษ?

          จิ๊ก : ยังไม่ได้คุยกันเลย แล้วพอเขาว่าเราเป็น... เราก็รู้สึกตกใจนะ มันแรง มันแรงเกินไป พี่จะกลับบ้านแต่เพื่อนห้ามไว้ไม่อยากให้กลับ แต่เราก็อยู่แป๊บเดียวเองแล้วก็กลับ พอขับรถกลับมา เราก็ตั้งสติคิดอยู่ตั้งนานว่าทำไมเอ๊ะ...เขาถึงมาว่าเราแบบนี้ มันเมาหรือเปล่ามันไม่สมควร แล้วงานนี้มันอยู่ในสาธารณชนแต่ถ้าจัดแบบวันเกิดครบรอบมีแต่เพื่อนก็ว่าไป เป็นเรื่องส่วนตัวพูดได้ แต่นี้มันเป็นสาธารณชน อย่างน้อยคนก็มองเราไม่ดี

คิดว่าคิ้มจงใจว่าเราเลยใช่ไหม?

          จิ๊ก : งานมันเป็นงานกะเทยนะ แล้วเราก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่เขาเรียกกันก็คือชะนี แล้วจะมีแค่เรากับเพื่อน นอกนั้นจะไม่มีใครเป็นสาวประเภทสองไปหมด ต้องเราเลยเพราะเราหลบแล้วเขาหันมาเห็นเราพอดี มันตกใจมากกว่าอึ้งนะ งงๆ ว่าเอ๊ะอะไร

ถามว่าส่วนตัวแล้วสนิทไหม?

          จิ๊ก : ถ้าถามในส่วนตัวนี้ เราปลื้มเขาแล้วก็ชื่นชอบเขามานานนมแล้ว เพราะว่าชอบเขาร้องเพลง เขาร้องเพลงเพราะ แต่ไม่ได้สนิทถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ไม่ค่อยได้เจอกันค่ะ เจอกันน้อยนอกจากจะเจอกันตามรายการ เราฟังเพลงเขาเพราะเราก็เลยซื้อมา

ข่าวหลุดมาได้ไงเพราะพี่จิ๊กก็ไม่เคยพูด?

          จิ๊ก : ถ้าข่าวจะหลุดน่าจะหลุดมาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นแล้ว เพราะไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟังในวันรุ่งขึ้น เพื่อนก็บอกว่าอยากให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ไม่อยากให้มีปัญหาเพราะว่าอยู่วงการเดียวกันอย่าไปสร้างปัญหา เราก็เออลืมๆ มันไปดีกว่า มันไม่อยากให้มีเรื่อง นี่มันผ่านไปแล้ว แต่อยู่ๆ มีหนังสือพิมพ์ลงให้เป็นตัวอักษร ให้ไปคิดเอาเองว่าเป็นใคร แล้วก็มีคนมาสัมภาษณ์เรา พอเรื่องอย่างนี้มันเกิดมาเราก็อยากให้รู้ว่าข่าวจริงมันเป็นแบบนี้และก็มีที่มาที่ไปที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ลงไม่จริงว่าไปถามเลย ไปท้าเลยซึ่งไม่ใช่ความจริงมันเป็นแบบนี้

หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ทาง ''เจ๊คิ้ม'' ติดต่อมาบ้างรึยัง?

          จิ๊ก : ก็มีนักข่าวมาถาม แล้วบอกว่าติดต่อพี่คิ้มไม่ได้ ไม่ได้คุยก็ได้แต่ติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็บอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เราไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวอะไรกับคุณคิ้มก็เลยงงๆ ว่ามันอะไรเราไม่ได้ต้องการให้เขาขอโทษ แล้วเราก็ไม่เคยต้องการที่จะดัง เพราะทำงานอยู่แล้ว 7 วันเราไม่ได้มาอาศัยคุณคิ้มว่างานนี้ต้องเกิด เพราะว่าสร้างข่าวกระแสขึ้นมาแบบนี้ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการ แต่มันเป็นข่าวขึ้นมาเอง เราหยุดแล้วแต่ข่าวมันออกมาเอง เพราะฉะนั้นอยากบอกว่าเหตุผลมันเป็นแบบนี้ นอกนั้นเราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาพูดกับเราแบบนี้

จนถึงตอนนี้ติดต่อมาคุยหรือยัง?

          จิ๊ก : ยังค่ะมีแต่คุณท็อป ดารณีนุช เจอท็อปหลังจากนั้นวันสองวัน เขาก็จะพูดกับเราว่า พี่เนา เขาทราบเรื่องแล้วนะ คิ้มเขาเป็นคนแบบนี้เขาแรงมาก อาจจะไม่ได้คิดอะไร เราก็เลยบอกว่าท็อปจากที่เราถ้าคิดย้อนไปแล้ว ถ้าว่าท็อปแบบนี้ท็อปโกรธไหม เออนั่นน่ะสิ ถ้าเป็นหนูหนูก็ต้องโกรธ แต่หนูก็ว่า คือเราไม่อยากสานต่อเราก็เลยหยุด คือวันนั้นพี่เล่าให้เพื่อนสนิทพี่ฟังก็คืออ้น ศรีพรรณ ถ้าอยากเป็นข่าววันรุ่งขึ้นไปออกรายการแล้ว เขายังบอกเพราะเขาก็อยากสัมภาษณ์เรา แต่เราไม่อยากเป็นข่าว เขาบอกน้องศรีอยากจะถามพี่เนา เราบอกหยุดเลยเราไม่ต้องการ แต่เมื่อมันเป็นแบบนี้ขึ้นมาเราก็อยากบอกว่ามันไม่ดี และเราไม่อยากคุย ไม่ได้อยากเคลียร์อะไร และไม่เคลียร์ด้วย ไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ แต่อยากให้คุณคิ้มรู้ว่าเวลาที่ขึ้นเวทีความน่ารักคุณคิ้มมีอยู่แล้วในตัว ร้องเพลงก็เพราะ มีบุญวาสนามากในการร้องเพลง แต่ฉะนั้นแล้วคุณคิ้มในบางคำที่จะทำให้คนอื่นเขาเสียหาย หรืออะไรต้องรู้สึกบ้าง

คำที่โดนแซวนี้ถือว่าแรงมาก?

          จิ๊ก : ใช่ ตั้งแต่เกิดมาแรงที่สุด เพราะไม่เคยมีใครมาเรียกเราว่า.... ดูถูกไหมก็ไม่รู้นะ เพราะว่าขนาดเราสนิทกับเพื่อนเรา เรายังไม่เคยเรียกเพื่อนว่า...เลย เรายังไม่กล้าเรียกเพื่อนว่า อี... เรายังไม่กล้าพูดแบบนี้ มันไม่เจ็บหรอก แต่มันบอกไม่ถูกนะ ไม่สมควรมาใช้เลยดีกว่า ถ้าเจ็บมันก็เจ็บ แต่มันไม่สมควรจะใช้ดีกว่า

แสดงว่าตอนแรกโกธรเหมือนกัน?

          จิ๊ก : ถูกต้องค่ะ แล้วพี่เองก็เล่าให้เพื่อนสนิทฟังเป็นคนแรก คืออ้น ศรีพรรณ ถ้าพี่อยากเป็นข่าววันที่พี่ไปออกรายการคันปาก พี่จะดังตรงนั้นแล้ว เพราะน้องอ้นบอกแม่เนาเอาเลย อ้นศรีอยากจะถามพี่เนา พี่บอกหยุดพี่ไม่ต้องการ เมื่อเป็นอย่างนี้มา พี่ก็อยากบอกหนังสือลงบางฉบับ คือปัจจุบันพี่ยังไม่ได้ลงตรงนั้นเลย พี่เองก็ไม่ต้องการที่จะเคลียร์ ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่อยากให้คุณคิ้มเวลาขึ้นเวที   เพราะคุณคิ้มเป็นคนน่ารัก ร้องเพลงน่าฟัง เขาเป็นคนมีบุญวาสนา เฉพาะฉะนั้นแล้วคำพูดของคุณคิ้มบางคำ จะทำให้คนเขาเสียใจ ต้องหยุดตั้งสติบ้าง

ถือว่าเป็นการแซวที่แรงที่สุดเลยหรือเปล่า?

          จิ๊ก : แน่นอนตั้งแต่ต้นจนจบในชีวิต ไม่มีแซวคำว่า...  ไม่มีใครเรียกพี่ว่า...

ถือว่าคำนี้เป็นการดูถูกเลยหรือเปล่า?

          จิ๊ก : ดูถูกมั้ย พี่ก็ไม่รู้ว่าพูดมาได้อย่างไร ขนาดว่าพี่สนิทกับเพื่อนมาสิบปียี่สิบปีพี่ไม่เคยเรียกเพื่อนว่าอี... พี่ไม่กล้าพูดแบบนี้ มันบอกไม่ถูก มันไม่สมควรจะใช้เลยดีกว่า ถ้าเจ็บเดี๋ยวก็หายไป แต่มันไม่สมควรจะใช้ดีกว่า

ความชื่นชอบในตัวพี่คิ้มจะลดลงมั้ย?

          จิ๊ก : ลดลงมั้ย พี่มีเทปของเขาเยอะมาก เพราะพี่ปลื้มเขามาก ตอนนี้ปลื้มอย่างไรพี่ก็ปลื้มเขาอยู่ พี่ไม่เคยโกหก ไม่อยากใส่ใจ แต่พี่จะบอกว่าคนเดินทางสายเดียวกัน ต้องคอยให้เกียรติกัน อย่างน้อยถ้าลงมาอยากแซวอะไรขำๆ ก็แซวไปเถอะไม่มีใครว่า แต่บนเวทีแล้ว ต้องมีวิจารณญาณที่ดีนิดหนึ่ง ต้องคิดว่าคำนี้สมควรมั้ย ไม่ต้องเอาคนอื่นมาพูดถึง อย่าง หอย ปู ปลา ธรรมชาติ พูดไปเถอะ เพราะไม่มีตัวตน พอพูดไปแล้วคนอื่นจะพูดอย่างไร อาจจะสนุกปากกับคนบางคน แต่อีกคนกลับเดือดร้อน เพราะคนนั้นเขาเสียใจ คนที่เคยรักมามันก็จางหายไป

แล้วเจ้าของร้านมีมาเคลียร์อะไรกับเราบ้างมั้ย?

          จิ๊ก : เขาก็ตกใจ เจ้าของร้านก็ช่วยกัดให้เลย เขาก็โกรธ ทำไมคุณแซวแบบนี้ เจ้าของร้านก็เลยโกธร อันนี้พี่ไม่ขอพูดให้ไปถามเจ้าของร้านเอง เดี๋ยวจะยืดยาวกันไปอีก เอาแค่ตรงนี้ เอาแค่พี่กับเขาพอ   เจ้าของเป็นกะเทยเขาจะแซวอย่างไรคิดดูสิ

แล้วได้ถามเจ้าของมั้ยว่าจะไม่จ้างพี่คิ้มอีก?

          จิ๊ก : จริงแล้ว พี่คิดว่าพี่คิ้มก็มีความสามารถอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ก็คงไม่ได้ทำร้าย คิ้มจะไม่มีงาน พี่คิดว่ามันเป็นคำพูดมากกว่า ที่ตัวพี่คิ้มเองควรที่จะรับรู้ แล้วควรถามตัวเองนิดหนึ่งว่าตั้งแต่ก้าวแรกมาพี่คิ้มน่ารักอย่างไร พี่คิ้มกลับไปน่ารักแบบนั้นดีกว่า กั้นว่าอยู่เวทีที่แรงๆ มันก็ไม่ดีเสมอไป ความรู้สึกพี่คิดนะ

คิดว่าที่เขาแซวแรงเป็นเพราะแซวแรงหรือเขาดื่ม (ดื่มเหล้า) ถึงเกิดความเมาหรือเปล่า?

          จิ๊ก : ถ้าพี่ไปถามเขา เขาก็บอกว่าเขาเมา พี่ว่าการที่เมาก็ไม่ควรขึ้นเวที มันยิ่งไม่มีสติ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่พร้อม ก็บอกเจ้าของว่าคิ้มไม่ไหว อันนี้ไม่สมควรขึ้นเลย เมาก็ยังไม่สมควรขับใช่มั้ย ถ้าเมาแล้วก็ไม่สมควรจะพูด ก็ยิ่งหนักขึ้นไปใหญ่เลย

แล้วยังจะสามารถร่วมงานกันได้มั้ย?

          จิ๊ก : พี่ไม่มีปัญหา ไม่เอาเรื่องพี่คิ้มมาใส่ใจ แบบว่ามีพี่คิ้มต้องไม่มีพี่ ไม่ใช่เลย เพียงแต่ว่าอยากจะบอกกับน้อง ว่าวันนี้พี่ก็จะพูดอย่าง วันหน้าก็จะพูดอย่างนี้ อยากให้จบกับพี่คนเดียวแล้วกัน อย่าใช้วาจากับคนอื่นอีกต่อไป มันไม่สมควรอย่างยิ่ง

แล้วทางนั้น (พี่คิ้ม) รอเช็กว่าพูดจริงหรือเปล่า?

          จิ๊ก : ได้เลยค่ะ เพราะมีตัวตนอยู่หลายคนมากๆ พี่มีพยานเยอะมาก ทั้งนั้นที่อยู่ในงาน ที่ไปในงาน พี่ปุ๋ย น้องเอบี ที่เป็นกะเทยที่เคยเล่นเรื่องสตรีเหล็กก็อยู่ในงาน แจ็ค จิว ที่เป็นนักร้อง หลายคนมากที่ตกใจ ทุกคนก็ได้บอกพี่ว่าอย่าถือสา ไม่ต้องชมเทป พี่คงไม่ อยู่ๆ ก็มาโคมลอยข่าว เพื่อให้อยู่มีตรงนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ให้พี่ไปสร้างกระแสข่าวอย่างอื่นดีกว่า ซึ่งไม่ต้องการให้เป็นเรื่องแบบนี้ดีกว่า ไม่อยากให้เกิดเรื่อง แต่เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องลงให้ถูก ไม่ต้องการให้ข่าวผิดพลาดออกไป พี่ก็ไม่ค่อยถูกพวกน้องๆ ถึงอยู่แล้ว จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีอยู่แล้ว แต่พี่ก็ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น อย่างเดียวคือความเป็นจริง วันหลังเขาจะได้รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด ต้องดูกาลเทศะ รู้เวลา รู้หน้าที่ รู้คำพูด

แล้วถ้าพี่คิ้มติดต่อมาขอโทษล่ะ?

          จิ๊ก : พี่ไม่ต้องการให้มาขอโทษ ไม่ได้ทำให้พี่ดีขึ้นมา ไม่ได้ทำให้พี่สบายใจ หรือทำให้พี่เป็นเลิศ ไม่ใช่พี่ต้องการให้เขารู้ความจริงว่าเขาพูด แล้วเขาไม่สมควรพูดอีกนะ อะไรก็แล้วแต่อย่ากับคนอื่น   ไม่อย่างนั้นก็ต้องมาฟ้องร้อง เป็นเรื่องยืดยาวขึ้นมาอีก มันไม่มีประโยชน์หรอก ตอนนี้ใส่ใจตัวเองดีกว่า

มันจะสายไปมั้ย ถ้าเขามาขอโทษ?

          จิ๊ก : พี่ว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีคำว่าสายหรอก แต่คำว่าสายกับคำว่ารู้ตัวมันผิดกันนะ พี่อยากให้เขารู้ตัวมากกว่าสาย สายมันใช้ได้ทั่วไป รู้ตัวดีกว่ามันสำคัญมากกว่า รู้กาลเทศะ กับรู้ตัวพี่ว่ามันสำคัญกว่า มันต้องมีบ้างนะเพราะมันมีงานใหญ่โต มันต้องสำรวมนิดหนึ่ง มีสติดีๆ คำนี้ไม่ควรนะ ก็ต้องคิดนิดหนึ่ง เราอยู่สายทางบันเทิงเดียวกัน เดี๋ยวก็ต้องไปเจอกันตามงาน

ถือว่ามองหน้ากันติด?

          จิ๊ก : ติด พี่ไม่เคยโกรธใคร ถึงแม้พี่จะมีข่าวกับใคร พี่เจอพี่ก็ต้องวิ่งไปหาเขา ถึงเขาไม่ได้มาทักพี่ พี่ก็ไปทักเขา เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนโกรธคน มันไม่ได้เป็นการดีขึ้น แต่อยากให้รู้ตัวว่ามันไม่ดีนะ ถ้าเกิดผิดพลาดอะไร ก็อยากให้ใครๆ มาให้อภัยพี่ ใครจะว่าพี่ติงต๊องอะไรพี่ก็โอเค

เรื่องนี้อยากให้จบอย่างไร?

          จิ๊ก : ตัวคุณคิ้มยังไม่ได้ให้ข่าวอะไรเลย ก็เห็นน้องบอกว่าคุณคิ้มกำลังรอเทปอยู่ ก็ให้เขาเช็กดู

          จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปยัง ''ปุ๋ย-นิทัศน์ ธำรงค์" หุ้นส่วนร้าน Fake cub อตก. ว่าเหตุการณ์ที่ร้านวันนั้นเป็นเช่นไร ซึ่งหุ้นส่วนร้านได้เล่าให้ฟังว่า

          ปุ๋ย : คือมันก็ผ่านมาประมาณสองเดือนแล้วนะ วันนั้นเป็นวันเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งปีของร้าน Fake cub ก็ได้เชิญพี่จิ๊กมา พี่จิ๊กก็ถามว่ามีใครมาบ้างก็บอกว่ามากันหลายคน มีพี่คิ้มก็มาร้องเพลงด้วย พอพี่จิ๊กรู้ว่าพี่คิ้มมาแกก็ตกลงมาเลยเพราะว่าเค้าปลื้มพี่คิ้ม ซึ่งการแซวบนเวทีนั้นแซวจริง แต่คิดดูแล้วก็เป็นแคแรกเตอร์ของพี่คิ้ม แต่ครั้งนี้อาจจะเผลอแซวแรงไปหน่อย ซึ่งตอนนั้นพี่จิ๊กแกก็ไม่ได้มีท่าทางโกรธมากมาย และก็ไม่ได้ไปวีนหน้าเวทีอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งพี่จิ๊กยังฟังพี่คิ้มต่ออีกประมาณสองเพลงแกก็กลับ บอกว่ารับไม่ได้ ถ้าถามว่าจะจ้างพี่คิ้มมาร้องเพลงที่ร้านอีกมั้ยนั้นก็ไม่มีปัญหา พวกเราชอบเค้า


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ยังชอบ คิ้ม จิ๊ก แค่แนะระวังคำพูด โพสต์เมื่อ 9 พฤษภาคม 2552 เวลา 10:47:44 13,596 อ่าน
TOP