ย่าทวดร้องครูทุบหลาน 5 ขวบจนห้อเลือด (ข่าวสด)
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 มิถุนายน นางบุญช่วย พุ่มอรัญ อายุ 73 ปี คุณย่าทวดและเป็นผู้ปกครองของ ด.ช.พงศ์พัฒน์ หรือบอส พุ่มอรัญ อายุ 5 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 3/5 โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลน เข้าพบนายวีระสิทธิ์ คุ้มจั่น ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ ด.ช.พงศ์พัฒน์ กรณีถูกครูต่าย หรือวันเพ็ญ ครูประจำชั้นได้กระทำการใช้มือทุบตีเด็กนักเรียนเข้าที่บริเวณกลางหลัง จนเป็นรอยฟกช้ำจุดดำแดงขึ้นเต็มแผ่นกลางหลัง และมีสีคล้ำขึ้นปะปน รวมถึงที่บริเวณใบหูด้านซ้ายพบร่องรอยฟกช้ำห้อเลือดมีสีแดงและบวมเป่ง จากการใช้มือบิดใบหู
ทั้งนี้ทางผู้ปกครองได้นำรูปถ่ายของเด็กชายบอส และใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ที่ลงความเห็นเกี่ยวกับบาดแผลของเด็กชายพงศ์พัฒน์ว่า มีแผลจุดเลือดออก ขนาด 15X30 เซนติเมตร และฟกช้ำที่สันใบหูซ้าย ขนาด 0.5X3 เซนติเมตร และมีแผลช้ำขนาด 0.5X1 เซนติเมตร หลังขาข้างขวา บริเวณเหนือข้อเท้า สาเหตุถูกคุณครูประจำชั้นตี โดย น.พ.ยงเกียรติ ธนะเจริญพาณิชย์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกาย
นางบุญช่วย กล่าวว่า ครูประจำชั้นได้กระทำการใช้มือทุบตี ด.ช.บอสที่กลางหลังหลายครั้ง จนเห็นเป็นรอยนิ้วมือขึ้นกลางหลัง และได้ใช้มือบิดใบหูซ้ายจนเป็นสีแดงห้อเลือดและมีอาการบวมเป่ง นอกจากนี้ยังใช้ไม้บรรทัดเหล็กฟุตตีเข้าที่บริเวณหลังขาข้างขวา เหนือบริเวณข้อเท้าทำให้เด็กเดินไม่สะดวก เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นขณะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้ และตลอดเวลาที่อาบน้ำเหลนก็ร้องปวดแสบปวดร้อนที่กลางหลัง เมื่ออาบน้ำเสร็จละก็รีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
นางบุญช่วย กล่าวว่า ถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเพราะมีการใช้อารมณ์ลงโทษกับเด็กเกินกว่าเหตุที่ควรเป็น และการกระทำครั้งนี้เหมือนเป็นการทำร้ายร่างกายเด็กโดยตรง มีความประสงค์จะขอย้ายเด็กนักเรียนไปเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดอรัฐญิการาม เขตเทศบาลตำบลท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์แทน เพราะเด็กหวาดกลัวมากไม่กล้าที่จะไปเรียนหนังสือ และจะขอเอาเรื่องครูประจำชั้นคนนี้ให้ถึงที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่โรงพัก สภ.เมืองอุตรดิตถ์แล้ว
นายวีระสิทธิ์ กล่าวว่า จะทำการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามที่ผู้ปกครองเด็กได้มีการกล่าวหาครูประจำชั้นถึงการลงโทษเด็กในชั้นเรียนครั้งนี้ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากพบว่ามีความผิดจริงก็ต้องลงโทษทางวินัยโทษถึงภาคภัณฑ์ ตัดหรือลดขั้นเงินเดือน กรณีน้องบอสตนไม่อยากให้ย้ายโรงเรียน แต่จะให้ไปเรียนห้องอื่นกับคุณครูคนใหม่แทน
ด้าน น.ส.วันเพ็ญ ครูประจำชั้นของเด็กชายบอส กล่าวและยอมรับว่า ได้ทำการลงโทษเด็กลงไปจริง แต่ก็ไม่ได้มีความประสงค์ร้ายต่อเด็ก เหตุที่ลงโทษไปนั้นเนื่องจากเด็กทำการบ้านช้า ต้องการให้เด็กได้ดีและเรียนทันเพื่อน รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุกินข้าวไม่ได้และก็นอนไม่ค่อยหลับมา 2 วันแล้ว เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ทำลงไป ก็ต้องขอโทษผู้ปกครองด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
