เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์
จากเหตุการณ์ที่ราชาเพลงป๊อป "ไมเคิล แจ็คสัน" วัย 50 ปี เสียชีวิตหัวใจวายกะทันหัน ขณะเดียวกันก็เริ่มเกิดปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สินมรดก และลูกทั้ง 3 คน ที่ยังไม่รู้จะลงเอยอย่างไร รวมถึงกรณีที่ครอบครัว "แจ็คสัน" และคนใกล้ชิดยังติดใจผลการชันสูตรศพ ซึ่งทางตำรวจกำลังติดตามแพทย์ประจำตัวของ "ไมเคิล แจ็คสัน" มาให้ปากคำ เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ในวันที่ราชาเพลงป๊อปจบชีวิตนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ซันเดย์ ไทมส์ รายงานว่า นาง
นางเกรซ เปิดเผยด้วยว่า บางครั้งไมเคิลก็ไม่มีเงิน และเขายึดติดกับความรู้สึกตัวเองว่ายังรวยอยู่ ทำให้เขาใช้ชีวิตแบบเร่ไปร่อนมา ย้ายจากประเทศหนึ่งไปประเทศหนึ่ง จากโรงแรมหนึ่งไปโรงแรมหนึ่ง ก่อนจะถูกครอบงำโดยลัทธิ "เนชั่น ออฟ อิสลาม" ที่เข้ามาหาประโยชน์จากเขา เช่น ให้เขาเข้าเช่าคฤหาสน์หลังหนึ่งด้วยราคาแพงถึงเดือนละ 1 แสนดอลลาร์ ทั้งที่ราคาจริงไม่น่าจะถึง 25,000 ดอลลาร์ เพราะไมเคิลไม่รู้เรื่องการบริหารงาน ครั้งหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอให้ไปปรากฎตัวที่ญี่ปุ่น ด้วยค่าตอบแทน 1 ล้านดอลลาร์ แต่เขากลับได้เงินเพียง 2 แสนดอลลาร์ และบางครั้งเขายังแย่ถึงขนาดนั่งเครื่องบินชั้นราคาประหยัดมาแล้ว
"หลังจากไมเคิลเสียชีวิต คนในครอบครัวของเขาได้โทรศัพท์มาสอบถามตนว่า "เกรซ คุณจำได้ใช่ไหมว่าไมเคิลซ่อนเงินสดไว้ในบ้าน ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้ว เงินอยู่ไหน" ซึ่งตนแปลกใจว่าไมเคิลเพิ่งเสียชีวิตไปไม่กี่ชั่วโมง แต่ครอบครัวกลับโทรศัพท์มาถามเรื่องเงินที่ซ่อนไว้ นอกจากนี้ลูกๆ ของเขายังเกลียดหน้ากากที่พ่อบังคับให้ใส่เพื่อปิดบังใบหน้าเวลาออกไปข้างนอก" นาง
ขณะที่ เด็บบี้ โรว์ อดีตภรรยาของ ไมเคิล แจ็คสัน แม่ของ ด.ช.
ทางด้าน สำนักข่าวสกายนิวส์ รายงานว่า น.พ.คอนราด เมอร์เรย์ หมอประจำตัวของ ไมเคิล แจ็คสัน ที่เชื่อว่าเป็นคนฉีดยาแก้ปวดเดเมอรอลให้ ไมเคิล แจ็คสัน ก่อนจะหายตัวไปนั้น ล่าสุด น.พ.เมอร์เรย์ ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้ว และออกมาเปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการตายของไมเคิลแต่อย่างใด และปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าได้หายตัวไปหลังจากไมเคิลเสียชีวิต ยืนยันว่าตนอยู่กับไมเคิลในรถพยาบาล และอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายชั่วโมง และก็ไม่ได้เดินทางออกจากลอสแองเจลิสเลย นับตั้งแต่ที่ไมเคิลเสียชีวิต และไม่มีการใช้ยาเดเมรอนและอ๊อกซี่คอนติน กับไมเคิลก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
ขณะที่ครอบครัว "แจ็คสัน" ออกมาระบุว่า การที่ครอบครัวส่งศพไมเคิลไปชันสูตรซ้ำรอบสอง เพราะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติ หมอประจำตัวไมเคิลไม่เคยแจ้งอะไรให้ครอบครัวรับรู้ว่าฉีดยาอะไรให้เขา ครอบครัวเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่กลับยังไม่รู้สาเหตุของการเสียชีวิต ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความมืดมิดที่สุดในชีวิตของเรา เราพบว่าไม่อาจใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันที่เราต้องเผชิญ ลูกชายที่รักของเรา น้องชายและพ่อของลูกๆ 3 คน ได้จากไปอย่างไม่คาดฝัน เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป ไมเคิลจากไปโดยไม่ได้กล่าวคำพูดสุดท้ายไว้ให้กับเราและครอบครัว พวกเราจะคิดถึงไมเคิลตลอดไป ความเจ็บปวดที่เราได้รับไม่อาจที่จะอธิบายเป็นคำพูด แต่ไมเคิลไม่ต้องการให้เรายอมแพ้ต่อความเจ็บปวดนั้น เรามีความปรารถนาที่จะกล่าวคำขอบคุณต่อผู้ที่สนับสนุนไมเคิลอย่างแท้จริง รวมทั้งบรรดาแฟนเพลงทั่วโลกที่มั่นคงต่อไมเคิล และพวกคุณเป็นผู้ที่ไมเคิลรักมาก ขออย่าสิ้นหวัง เนื่องจากไมเคิลจะยังคงอยู่เคียงข้างพวกคุณทุกคนตลอดไป