พบเด็กประหลาด หัวคล้ายจุกเศียรพระพุทธเจ้า (คมชัดลึก)
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ว่าพบเด็กประหลาดเกิดมาที่บริเวณศีรษะเป็นทรงแหลมคล้ายกับจุกหรือเศียรของพระพุทธเจ้า สร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอันมาก อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ 5 บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง จึงเดินทางไปที่บ้านดังกล่าว พบเป็นบ้านไม้ครึ่งปูนชั้นเดียว เมื่อเข้าไปถึงพบครอบครัวของนางคำ โพธิ อายุ 28 ปี กำลังนั่งพักผ่อนกันภายในบ้านโดยมีเด็กทารกเพศหญิงชื่อ ด.ญ.ปิ่นทอง โพธิ วัย 3 เดือน กำลังนอนเล่นบนเบาะ โดยที่บริเวณศีรษะของเด็กเป็นทรงแหลมขึ้นคล้ายกับจุกเศียรของพระพุทธเจ้า
นางคำเล่าว่า ได้คลอด ด.ญ.ปิ่นทอง โดยวิธีธรรมชาติที่บ้านเพราะไม่มีอาการปวดท้องเลย ทำให้ไม่ทันไปคลอดที่โรงพยาบาลและที่แปลกก็คือตอนที่คลอด ด.ญ.ปิ่นทอง ตนไม่มีอาการตกเลือดเลย ขนาดตอนที่แม่สามีตัดสายสะดือให้ก็ไม่มีเลือดออก และเมื่อคลอดมาก็พบว่าที่บริเวณศีรษะของ ด.ญ.ปิ่นทอง ผิดปกติ เป็นทรงแหลมลักษณะคล้ายกับจุกเศียรพระพุทธเจ้า สร้างความแปลกใจให้กับตนและญาติ และการเลี้ยงดูก็เลี้ยงง่าย เด็กไม่ร้องไห้งอแง ที่แปลกกว่านั้นคือเมื่อมีคนดื่มเหล้าเข้ามาใกล้ เด็กจะแสดงอาการไม่พอใจ คล้ายกับไม่อยากให้คนที่ดื่มเหล้าเข้ามาใกล้
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากให้มีการรักษาเด็กหรือไม่ นางคำ กล่าวว่า ตอนนี้เด็กก็มีอาการปกติดี ร่าเริงแจ่มใส สุขภาพแข็งแรง และหากนำไปรักษาให้เป็นปกติก็ต้องใช้เงินมาก ตนเป็นคนยากจนคงไม่มีปัญญาพาไปรักษา คงจะปล่อยไว้เช่นนี้ ตามมีตามเกิด
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีข่าวเด็กประหลาดที่บริเวณศีรษะคล้ายกับจุกเศียรของพระพุทธเจ้าออกไป ทำให้มีชาวบ้านต่างพากันมาขอดูกันเป็นจำนวนมาก และมีการวิพากวิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยพูดกันว่าเด็กที่มาเกิดน่าจะเป็นเทพกลับชาติมาเกิด บางคนก็ว่าเป็นเจ้าแม่กวมอิมกลับชาติมาเกิด และหากมีผู้ใจบุญอยากจะทำการช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ญ.ปิ่นทอง ก็สามารถไปพบได้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
ด้าน นายแพทย์สุระ คุณคงคาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สาย กล่าวว่า จากการดูลักษณะอาการของ ด.ญ.ปิ่นทอง แล้วคาดว่าน่าจะเป็นโรค MICROCEPHARUS โดยโรคนี้จะมีอาการลักษณะหัวเล็ก สมองเล็ก ทำให้ลักษณะของศรีษะแหลมขึ้นไป ซึ่งโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ทางที่ดีควรนำเด็กมาทำการตรวจดูที่โรงพยาบาลแม่สายอีกครั้ง เพื่อแพทย์จะได้ทำการวินิจฉัยตรวจดูอาการอย่างละเอียด โดยแพทย์จะทำการเอ็กซเรย์ที่บริเวณศรีษะของเด็ก เพื่อดูอาการอีกทีว่าเป็นโรคชนิดใด เพื่อจะได้หาทางรักษาอีกที
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
