x close

อุทาหรณ์ ใช้รถ เมืองกรุงสติขาด ... ชีวิตดับ!?!


อุทาหรณ์ ใช้รถ เมืองกรุงสติขาด ... ชีวิตดับ!?! (คมชัดลึก)

         สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ คลาคล่ำและขวักไขว่ไปด้วยรถรา บางเวลาติดขัดเป็นขบวนยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา พอไปได้หน่อยก็ปาดซ้ายป่ายขวา ตัดหน้าเหยียบเบรกหัวทิ่ม เสียงบีบแตรไล่โหวกเหวกสลับคำด่าสาปแช่ง พิสูจน์ความอดทนอดกลั้นและการครองสติ หากใครปล่อยให้ โมหะ และ โทสะ เข้าครอบงำเป็นเจ้าเรือนผู้นั้น ก็เสียเปรียบ ดีไม่ดีถึงขั้นเสียชีวิตเอาง่ายๆ 

         "สุริยา แก้วก่า" อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ 2 ต.โพนพิสัย อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย โชเฟอร์แท็กซี่ โต โยต้า สีชมพู ทะเบียน ทว 5107 กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในเหยื่ออารมณ์ร้อน ที่สังเวยชีวิตไปเพียงเพราะเกิดไม่พอใจขับรถปาดหน้า กับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูอีกคัน

         ปลอกกระสุนขนาด .32 รวม 3 ปลอก ที่ตกอยู่แยกสุรวงศ์ ตัดถนนเจริญกรุง 36 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ และภาพวิดีโอวงจรปิด ที่สามารถบันทึกภาพรถเก๋งคู่กรณีบีเอ็มดับเบิลยู สีดำ ทะเบียน วธ 1510 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านแยกเจริญกรุงในวันเวลาเกิดเหตุ ทำให้ตำรวจ สน.บางรัก เสนอขออนุมัติหมายจับ "สานิตย์ แสงอรุณ" ผู้ขับขี่ วัย 22 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืน และ เครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลพิจารณาออกหมายจับ เลขที่ 473/2552 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2552

         จากพยานหลักฐานที่ตำรวจ สน.บางรัก มีอยู่ เชื่อว่า สานิตย์เป็นคนใช้ปืน .32 ยิงสุริยาเข้าที่หน้าอกซ้าย ราวนม และช่องท้อง เนื่องจากไม่พอใจที่ขับรถปาดหน้ากันมาตามเส้นทาง กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ มีพยานเห็นทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายสุริยากลับไปเอาไม้คมแฝกออกมา และถูกยิงเสียชีวิตเมื่อกลางดึก วันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

         รถเก๋งคันดังกล่าว เท่าที่ตำรวจมีข้อมูลอยู่คือ เป็นรถส่วนตัวของพ่อผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นทหาร เมื่อแยกทางกับภรรยาจึงให้ลูกชายไว้ใช้ แล้วโอนมาเป็นชื่อของแม่ นอกจากนี้ สานิตย์ยังมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ สน.สามเสน อีกด้วย

         พ.ต.อ.เอกรัตน์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สส.น.6 เปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก" ว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยฝ่ายสืบ สวน กก.สส.น.6 และ สน.บางรัก แบ่งกำลังติดตามไปทุกที่ แต่เมื่อไปถึงแล้วก็คาดเคลื่อนกันเกือบทุกครั้ง คดีนี้มีจุดเริ่มต้นแค่ขับรถยนต์ปาดหน้ากัน แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ยอมกัน ก็เลยเกิดเรื่อง แทนที่จะโต้เถียงกันเรื่องขับปาดกันไปมาเท่านั้น ก็น่าจเพียงพอแล้ว แต่ด้วยความเครียดหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เรื่องราวบานปลายออกไป

         พ.ต.อ.เอกรัตน์ แสดงความรู้สึกเห็นใจคนขับรถแท็กซี่ทั่วไป ในกรุงเทพฯ เพราะวันหนึ่งๆ การจราจรติดขัดมาก โชเฟอร์ต้องอยู่บนรถแท็กซี่ตลอดเวลา เพื่อหาผู้โดยสารให้ได้เงินพอส่งค่ารถ ค่าแก๊ส และเหลือพอเลี้ยงตัวเองกับครอบครัว บางครั้งอารมณ์ก็มีส่วนสำคัญ หากระงับสติอารมณ์โกรธ อารมณ์หงุดหงิดได้ ก็ไม่มีเรื่องราวอะไร แต่ถ้าระงับไม่อยู่ขาดสติอาจนำไปสู่เรื่องราวร้ายๆ ได้

         "ส่วนการที่คนขับแท็กซี่ที่มีอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นเหล็กแป๊บ มีดไม้ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวก็คงไม่ผิดอะไร แต่ถ้านำออกมาใช้ในการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นไปในลักษณะไหนก็ตาม ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ตามพฤติกรรมที่กระทำลงไป" ผกก.สส.น.6 ให้ความเห็น

         ด้าน "สมเกียรติ วงศ์วุฒิกิจ" โชเฟอร์แท็กซี่ วัย 45 ปี ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องความเครียด อันเกิดจากการจราจรและการทำมาหาเลี้ยงชีพในสถานการณ์เช่นนี้ว่า สังคมไทยทุกวันนี้น่ากลัว การที่แท็กซี่มีอาวุธไว้ป้องกันตัวก็ใช่ว่าจะช่วยเหลือไม่ไห้ถูกจี้ปล้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเหล็กแป๊บ หรือกระบองไม้คงช่วยไม่ทัน ประกอบกับทุกวันนี้คนขับรถส่วนใหญ่ใจร้อน แท็กซี่เองก็ใจร้อน พอเจอรถติดๆ รถแท็กซี่ก็วิ่งกันเต็มถนนไปหมด ลูกค้าก็ไม่ค่อยมี วันๆ ต้องขับตะลอนๆ หาลูกค้าไปตามสถานที่ต่างๆ มีเงินเหลือ 200-300 บาท ก็ดีใจแล้ว

         "ไม่ใช่แค่มีปัญหากับผู้ใช้รถคันใหญ่ๆ ราคาเป็นแสนเป็นล้านบาทเท่านั้นนะ แท็กซี่ด้วยกันเองก็ทะเลาะกัน เพราะทุกคนต่างก็มีอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น ไหนจะขับปาดหน้ากัน ไหนจะเหยียบเบรกให้คู่กรณีชนท้าย ให้ของลับกัน เหล่านี้เป็นตัวจุดชนวนมีเรื่องทั้งนั้น บางครั้งคนขับแท็กซี่ยังทะเลาะชกต่อยกันเองเลย เพราะแย่งผู้โดยสารกัน หรือบางคนมาจากบ้านนอกมาขับแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยรู้เส้นทางยังมีเรื่องกัน"

         สมเกียรติ แนะนำถึงทางออกของปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ว่า หากเป็นแท็กซี่ให้กำหนดเป้าหมายเลยว่า วันนี้จะวิ่งเส้นทางไหน และ ทำงานเพื่ออะไร เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวใช่หรือไม่ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัว หากมีเรื่องราวกระทบกระทั่งกัน ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ด้วยกัน หรือผู้ใช้รถส่วนบุคคลอื่นๆ ก็แค่กล่าวคำขอโทษหรือยกมือขออภัยแค่นั้นทุกอย่างก็ดีขึ้น

         ทั้งหมดที่โชเฟอร์แท็กซี่รายนี้กล่าวมา สรุปได้ว่า ควรมีสติในการใช้รถใช้ถนนว่างั้นเถอะ !?!



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อุทาหรณ์ ใช้รถ เมืองกรุงสติขาด ... ชีวิตดับ!?! อัปเดตล่าสุด 11 กรกฎาคม 2552 เวลา 18:32:46 11,761 อ่าน
TOP