บันทึกภาพสลด นาทีทำร้าย"แม่เฒ่า" เสียงโต้จากลูกสาว (ข่าวสด)
คอลัมน์ สดสนามข่าว
เรื่องและภาพ โดย คุณพินิจ โชติชื่น
กลายเป็นเรื่อง "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ขึ้นมาทันที สำหรับภาพเหตุการณ์ลูกทำร้ายแม่ ที่สร้างเสียงวิจารณ์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่ง น.ส.ดาวเรือง ม่วงเขียว อายุ 59 ปี คือ ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายนางเลื่อน ม่วงเขียว ผู้เป็นแม่วัย 97
เบื้องหลังภาพเหตุการณ์ เกิดจากการที่ชาวบ้านทนพฤติกรรมไม่ไหว เลยถ่ายวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นการยืนยันว่า น.ส.ดาวเรือง ทำร้ายแม่จริง ก่อนนำภาพวิดีโอซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่ดูแล้วสุดสะเทือนใจ! เข้าร้องเรียนกับตำรวจเมืองสุโขทัย ให้ช่วยเหลือนางเลื่อน
หลังเรื่องนี้เป็นข่าวแพร่สะพัดออกไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เจ้าของท้องที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง รีบรุดไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันใด โดย น.ส.ดาวเรือง ซึ่งถูกกล่าวหายืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายผู้เป็นแม่แต่อย่างใด อาจจะมีทำรุนแรงใส่บ้างตอนโมโห แต่ก็ไม่เคยทุบตีหรือทำร้าย
แต่ภาพหลักฐานที่บันทึกออกมา ถือเป็นภาพสลดที่ไม่มีใครอยากให้เกิด!!?
ย้อนไปดูเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. เมื่อมีชาวบ้านหมู่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย รวมตัวกันเข้าร้องเรียนสื่อมวลชน ให้ช่วยหาทางช่วยเหลือคุณยายเลื่อน ซึ่งถูก น.ส.ดาวเรือง ทำร้ายร่างกายเป็นประจำ โดยชาวบ้านอ้างว่า ไม่ว่าจะเป็นตอนอาบน้ำ หรือถูกบังคับให้กินข้าว น.ส.ดาวเรือง ก็มักใช้มือตบ บีบปาก บีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นและไม้กวาดฟาดตีตามตัว ใช้ขันน้ำโขกหัว ใช้ช้อนป้อนข้าวกะซวกปากแรงๆ กับคนเป็นแม่หลายครั้ง
แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ การใช้เท้าถีบหน้าแม่จนล้มหงายต่อหน้าชาวบ้าน...
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง พร้อมกับเหตุผลของชาวบ้านที่บอกอดสงสารคุณยายเลื่อนไม่ได้ ก่อนหน้านี้เคยไปขอร้อง น.ส.ดาวเรือง ให้หยุดทำร้ายแม่ แต่ก็ถูกย้อนกลับมาว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม เลยทำให้นางเลื่อน ถูกทุบตีแบบนี้มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีคนไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่หลายหน่วยให้ช่วยแก้ไข แต่แล้วเรื่องก็เงียบหาย
สุดท้ายกลุ่มชาวบ้านจึงบันทึกภาพวิดีโอขณะที่ น.ส.ดาวเรือง ทำร้ายแม่บังเกิดเกล้าเอาไว้ อันเป็นหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้
หลายคนพร้อมเป็นพยานหากมีการดำเนินคดี น.ส.ดาวเรือง ฐานทำร้ายและทารุณบุพการี!!?
หลังเรื่องนี้เป็นข่าวแพร่สะพัดออกไป วันที่ 19 ก.ค. นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผวจ.สุโขทัย พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สะอาด พรรค ผบก.ภ.จว.สุโขทัย นำคณะเจ้าหน้าที่ รุดไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ ซึ่งเป็นบ้านของคุณยายเลื่อน พบน.ส.ดาวเรือง พักอาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่ตามลำพัง มีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างอัตคัด อีกทั้ง น.ส.ดาวเรือง ก็มีร่างกายไม่สมประกอบ เพราะป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมมาช้านาน ซ้ำยังต้องดูแลแม่ที่แก่ชราอายุเกือบ 100 ปีอยู่กับบ้าน
เจ้าหน้าที่จึงเค้นหาความจริง พร้อมนำภาพหลักฐานในวิดีโอให้ดูเพื่อขอคำตอบ
น.ส.ดาวเรือง ปฏิเสธเสียงหลงว่า ไม่ได้ทำร้ายแม่แต่อย่างใด พร้อมแก้ต่างหลักฐานที่ปรากฏในภาพวิดีโอตอนบีบแก้มแม่ บอกว่า แค่ปัดแก้มให้แม่เฉยๆ ภาพตอนตีหัวก็แค่ปัดแมลงวันให้ ภาพเหล่านี้คนมุ่งร้ายมาแอบถ่ายไว้เพื่อหวังเล่นงานตน เพราะไม่ถูกกันเลยพยายามใส่ร้าย นอกจากนี้ "ดาวเรือง" ยังบอกด้วยว่า ตนเองเป็นลูกคนที่ 4 จากลูกๆ ทั้งหมด 5 คนของคุณแม่เลื่อน ซึ่งตนอยู่กับแม่และปรนนิบัติแม่มาตลอด ไม่เคยห่างหนีไปไหน
"เรื่องโมโหร้ายคงมีบ้าง เพราะอยู่กับคนแก่คนชรา บางครั้งก็ต้องดุให้ทำตาม ที่พูดดังก็เพราะแม่ไม่ค่อยได้ยิน จึงต้องตะโกนใส่ ฉันไม่เคยทำร้ายแม่ เพราะกลัวบาปกรรม ทำให้แม่ทุกอย่างไม่ว่าจะเช็ดอึหรืออาบน้ำ ไม่เคยคิดรังเกียจเลย" น.ส.ดาวเรือง กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะสวมกอดแม่ แล้วยกมือไหว้ขออภัย หากสิ่งที่ทำผิดพลาดพลั้งไป ขณะที่คนเป็นแม่ก็รับไหว้พร้อมให้ศีลให้พร "ขอให้ลูกอายุมั่นขวัญยืน"
ในส่วนของการดำเนินคดี ตำรวจได้สอบปากคำลูกๆ ของนางเลื่อนทุกคน ให้การเป็นเสียงเดียวกัน โดยไม่เชื่อว่า น.ส.ดาวเรือง จะทำร้ายแม่แบบนี้ อาจมีบ้างตอนโมโห แต่คงไม่ถึงขั้นทำร้ายแบบนี้ ทุกคนลงความเห็นไม่ติดใจเอาความ เจ้าหน้าที่จึงไม่ต้องดำเนินคดี โดย นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผวจ.สุโขทัย ได้สั่งการให้นักสังคม สงเคราะห์เข้ามาช่วยเหลือในกรณีนี้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำ น .ส.ดาวเรือง ในการดูแลผู้สูงอายุแบบนี้
ไม่ว่าเรื่องนี้จะมีข้อเท็จจริงประการใด การอยู่กับผู้สูงอายุก็เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสร้างความเข้าใจ
นายวัลลภ ปิยมโนธรรม ที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ มศว.ประสานมิตร แสดงทรรศนะว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สูงอายุกับคนดูแลผู้สูงอายุ คือการไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน คนที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ ต้องมีเวลาว่าง หากไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือสอนให้เรียนรู้การดูแลผู้สูงอายุก็จะเกิดปัญหา เพราะจะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จนเกิดความเครียด เพราะผู้สูงอายุต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่มากๆ
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ผู้ที่จะดูแลผู้สูงอายุต้องได้รับการฝึกอบรมจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หรือที่ "ศูนย์สุขใจ" ของ มศว. ซึ่งเราจะมีกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 12 กิจกรรม ทั้งเรื่องของกิจกรรมการวาดภาพ การฟังเพลง การดูหนัง การฝึกสมาธิ และกิจกรรมด้านบันเทิง ทั้งทางกายและทางใจในรูปแบบต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ผู้สูงอายุได้มีการพัฒนา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อทุกอย่างเกิดการพัฒนาสุขภาพจิตของผู้สูงอายุก็จะดีขึ้นตามมา คนดูแลก็จะไม่เครียด ไม่เกิดปัญหา
สรุปว่าต้องใช้ทั้งความเข้าใจและความรัก!?!
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
