x close

อภิสิทธิ์ ลั่น! อำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร. เป็นของนายกรัฐมนตรี

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรุงเทพธุรกิจ

          วันนี้ (23 สิงหาคม) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ถึงปัญหาการแต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ตนเองขอย้ำว่าทุกขั้นต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องการบริหารงานตำรวจ ซึ่งกำหนดไว้ว่าให้นายกรัฐเป็นคนคัดเลือกรายชื่อ ผบ.ตร. เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ให้ความเห็นชอบ ฉะนั้น เมื่อในวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก็ได้เริ่มขั้นตอนตามกฎหมาย ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่ประธาน ก.ต.ช. ก็ได้เสนอชื่อคนที่มีความเหมาะสมเพื่อ ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบ ปรากฎว่าการลงมติในวันดังกล่าว ที่ประชุมยังไม่มีการให้ความเห็นชอบ ดังนั้น กระบวนการหาตัว ผบ.ตร.คนใหม่จึงยังไม่ได้ข้อยุติ

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเสนอชื่อเข้าไปยัง ก.ต.ช.ก็เพื่อขอความเห็นชอบ ส่วนกระบวนการคัดเลือกเป็นหน้าที่ของตนเอง และยืนยันว่าการคัดเลือก ผบ.ตร.ครั้งนี้ไม่ได้ทำอะไรโดยคิดเอง แต่ได้สอบถามคนที่เกี่ยวข้องในงานตำรวจ ซึ่งก็ทราบว่ามีบุคคลหลายคนที่มีความเหมาะสม และมีความสามารถ ขอยืนยันว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องการเห็นคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีภาระกิจที่สำคัญในการรักษากฎหมาย ดูแลบ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ในสภาวะบ้านเมืองที่มีปัญหาทางการเมือง และบ้านเมืองมีความขัดแย้งมีมาก จึงมีความต้องการเห็นประสิทธิภาพสูงสุด อยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติก้าวเข้าสู่ตำรวจอาชีพ

          "ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการเมืองได้เข้าไปแทรกแซง ทำให้คุณธรรมของตำรวจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้น บุคคลที่ตนเองเสนอนั้นต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่าง คือ 1.ทำให้ความขัดแย้งภายในลดลงได้ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือ และมีบุคลิกที่สามารถประสานความร่วมจากทุกฝ่ายเพื่อทำให้งานของตำรวจมี ประสิทธิภาพ 2. ภายนอกจะต้องได้รับการยอมรับนับถือว่าในเรื่องของความเป็นกลางทางการเมือง และสามารถเดินในคดีความต่างๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา ส่วนการประชุมที่ผ่านมาที่ยังมีข้อมูลต่างๆ ที่ยังไม่ตรงกัน เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาก็เคยปรากฎเหตุการณ์เช่นนี้ไปแล้ว" นายอภิสิทธิ์ ระบุ

          ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงระยะเวลาที่จะได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ว่า เดิมคิดว่าอยากจะให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเดือนสิงหาคม แต่ ผบ.ตร.คนปัจจุบันบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องให้เสร็จก่อน เพื่อให้ ก.ตร.พิจารณาตำแหน่งนายตำรวจรองๆ ลงไป อย่างไรก็ตาม ประชาชนไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ และเชื่อว่าจะก้าวพ้นปัญหาอุปสรรคไปได้

          นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่าน ได้อนุมัติกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมของสภาฯ กฎหมายดังกล่าวจะปรับกลไกองค์กรที่จะเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาในภาคใต้ จะมีสภาความมั่นคงเข้ามาดูแลในการจัดทำแผน และมีการทบทวนกันในทุก 5 ปี จากนั้นต้องมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ โดยกรรมการชุดดังกล่าวนี้จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีฝ่ายเลขาธิการที่เป็นศูนย์หรือสำนักงาน ซึ่งศูนย์หรือสำนกงานดังกล่าวนี้จะเป็นการยกระดับศอ.บต.ขึ้นมา โดยให้หน่วยงานดังกล่าวนี้จะต้องขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี และคนที่เข้ามาดูแลจะมีการยกระดับเทียบเท่าปลัดกระทรวง

          "สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการที่จะทำงานในการแก้ไขปัญหาภาคใต้มีความเป็นเอกภาพให้มากยิ่งขึ้น มีความเชื่อมโยงกับฝ่ายนโยบาย และฝ่ายการเมือง ที่จะต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะต้องดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เรื่องนี้ผมคิดว่าแนวที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่จะเป็นแนวทางที่มีความถูกต้อง ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนทุกคนว่า อย่าไปวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่เกี่ยวกับการเมือง และการบริหารของรัฐบาล ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น สำหรับตนเองมองเป็นเรื่องธรรมดา และตนขอย้ำว่าทุกปัญหามีทางออก และตราบเท่าที่ยังนั่งบริหารงานอยู่ตรงนี้ ตนเองมั่นใจว่าบริหารราชการแผ่นดินจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามที่ตนเองได้เคยให้ความมั่นสัญญา และนโยบายเอาไว้ เพราะในสุดที่สุดแล้ว ตนเองจะต้องเป็นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบสูงสุดกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน" นายกรัฐมนตรี กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
       




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อภิสิทธิ์ ลั่น! อำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร. เป็นของนายกรัฐมนตรี อัปเดตล่าสุด 23 สิงหาคม 2552 เวลา 16:57:44 3,843 อ่าน
TOP