จระเข้เขาใหญ่
จระเข้เขาใหญ่
ไข่ แตกเน่าหึ่ง พิสูจน์ จระเข้เขาใหญ่ วุ่น (ข่าวสด)
ไข่ปริศนาที่เขาใหญ่แตกแล้ว รู้แค่ว่าเป็นของสัตว์เลื้อยคลาน แต่ไม่ยืนยันว่าเป็น จระเข้ หรือไม่เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์อีกครั้ง หลังจากพบใกล้กับวังจระเข้ คาดอาจเป็นไข่จระเข้ที่ไม่ยอมฟัก และฝ่อไปเอง ด้านทีมสำรวจลงไปบริเวณริมน้ำที่คาดว่าจะมีไข่ แต่แทงไม้ลงไปแล้วไม่พบ ส่วนที่จะลงไปจับจระเข้ขึ้นมาตรวจดีเอ็นเอนั้น ต้องรอให้อธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นผู้ชี้ขาด ขณะที่มีนักท่องเที่ยวที่รู้ข่าวแห่ไปดูจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกกั้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้ เกรงว่าจะเกิดอันตราย
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 กันยายน นายมาโนช การพนักงาน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมบรรยายสรุปให้ผู้สื่อข่าวถึงการดำเนินงานเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมาว่า เป็นที่แน่นอนแล้วว่า จระเข้ที่พบในบริเวณวังช้าง คลองลำตะคอง ระหว่างน้ำตกผากล้วยไม้และน้ำตกเหวสุวัต มีอย่างน้อย 2 ตัว นอกจากนั้นยังพบไข่ที่คาดว่าอาจเป็น ไข่จระเข้ 1 ฟอง ในจุดที่พบ จระเข้เขาใหญ่ นอนอาบแดดบ่อยครั้งบริเวณคลองสามแพ่ง ที่เป็นจุดบรรจบสายน้ำจากเขาเขียวและคลองลำตะคอง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะใช่ไข่จระเข้จริงหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญให้แน่ชัดอีกครั้ง รวมถึงเก็บซากมูลที่บริเวณริมตลิ่งวังช้าง ที่คาดว่าอาจเป็นมูลจระเข้ แต่เป็นมูลที่เก่ามากแล้ว ต้องนำไปพิสูจน์ว่ามีซากก้างปลาหรืออะไรที่บ่งชี้ว่าเป็นมูลจระเข้ได้หรือไม่
นายมาโนช กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวพบจระเข้ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เพื่อดูจระเข้มากขึ้น บางส่วนมาเพื่อดูจระเข้โดยเฉพาะ แต่ยังไม่มีการปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าวจากนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ แต่ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเชือกและป้ายเตือนไปกั้นไว้ เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวรุกล้ำออกนอกทางเดิน ส่วนการจะปิดเส้นทางดังกล่าวหรือไม่ ต้องดูนโยบายของนายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานฯ ที่จะมาร่วมประชุมในเวลา 09.00 น. วันที่ 8 กันยายนนี้ก่อน
นายมาโนช กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการจับจระเข้ขึ้นมาตรวจดีเอ็นเอหรือไม่นั้น ต้องรอนโยบายจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เช่นกัน แต่คงต้องจัดเก็บข้อมูลอีกมาก และอาจต้องรอไปจนถึงช่วงเดือนมีนาคมที่ระดับน้ำลดลงอย่างมากและมีความใส จะทำให้ง่ายต่อการวางแผนจับจระเข้ดังกล่าว แต่ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะที่จะจับ เพราะระดับน้ำสูง มีความขุ่น และไหลเชี่ยวมาก เป็นอุปสรรคในการล้อมจับ
ต่อมา เวลา 12.30 น. น.สพ.ภัทรพล นำทีมเข้าสำรวจพื้นที่ในจุดที่พบไข่เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อหยิบไข่ขึ้นมาดมดู ปรากฏว่า มีกลิ่นเน่าเหม็น สรุปได้ว่าเป็นไข่ที่เสียแล้ว จึงเก็บไปเป็นตัวอย่างเพื่อส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าเป็นไข่ของสัตว์อะไร ขณะเดียวกัน นายขรรค์ชัย สวนน้อย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด ที่เชี่ยวชาญเรื่องการวางไข่ของเต่าทะเล และร่วมในกลุ่มสำรวจด้วย ทดลองนำไม้ยาวประมาณ 1 เมตร แทงลงในพื้นทรายรอบจุดที่พบไข่ฟองดังกล่าว จากนั้นนำขึ้นมาดมดูว่ามีกลิ่นคาวหรือไม่
นายขรรค์ชัย อธิบายว่า การวางไข่ของจระเข้และเต่าทะเลมีลักษณะคล้ายกัน คือมีการขุดลึกลงไปในดิน เมื่อวางไข่เสร็จจะกลบด้วยดินที่ขุดขึ้นมา ผิวดินบริเวณดังกล่าวจึงมีลักษณะร่วนซุย การที่จะดูว่ามีไข่อีกหรือไม่ ต้องใช้ไม้แทงดู หากดูปลายไม้แล้วมีกลิ่นคาว แสดงว่าใต้พื้นดินดังกล่าว ยังมีไข่ฝังอยู่ จากนั้นจะค่อย ๆ ขุดโดยรอบทั่วบริเวณ เพื่อนำไข่ขึ้นมาดำเนินการในขั้นต่อไป แต่หากปลายไม้ไม่มีกลิ่นคาวแสดงว่าไม่มีไข่อยู่แล้ว จากลักษณะพื้นที่ ที่กำลังสำรวจอยู่คาดว่าไม่มีไข่ฟองอื่นหลงเหลืออยู่แล้ว
น.สพ.ภัทรพล กล่าวว่า พื้นดินบริเวณดังกล่าวมีลักษณะร่วนซุย สันนิษฐานได้ว่า อาจมีการวางไข่ไว้หลายฟองด้วยกัน และฟักเป็นตัวไปหมดแล้ว หลงเหลือเพียงไข่ที่เสียแล้วดังกล่าวเพียงฟองเดียว หรืออาจถูกสัตว์อื่นขโมยกินไข่ฟองอื่นไปจนหมด เช่น ตะกวด เพราะเป็นศัตรูตามธรรมชาติ ขั้นตอนต่อไปจากนี้ ต้องบันทึกลักษณะรูปร่าง รวมถึงรายละเอียดทุกอย่างของไข่ดังกล่าว เมื่อได้แล้วจะส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจระเข้พิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อจากนั้นทีมสำรวจมุ่งหน้าไปยังบริเวณวังช้าง จุดที่พบ จระเข้เขาใหญ่ นอนอาบแดดเป็นประจำ พบรอยเท้าจระเข้ที่ปีนขึ้นบนตลิ่งอย่างชัดเจน มีขนาดใหญ่และมี 4 นิ้ว อย่างเห็นได้ชัด และบริเวณวังจระเข้ที่อยู่ห่างไปประมาณ 20 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า บริเวณดังกล่าวมีโพรงลึกลงไปในดิน จะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงน้ำลง แต่วันที่สำรวจน้ำท่วมจนมิดวังจระเข้ดังกล่าวจนไม่สามารถมองเห็นได้ หลังจากใช้เวลาสำรวจพื้นที่โดยรอบกว่า 1 ชั่วโมง ทีมสำรวจจึงกลับขึ้นฝั่ง เฝ้ารอการปรากฏตัวของจระเข้ และเพื่อไม่เป็นการรบกวนจระเข้มากเกินไป ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติบริเวณดังกล่าว ทราบเรื่องจระเข้ แสดงความสนใจสอบถามและติดตามการทำงานของทีมสำรวจด้วยความสนใจ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด จึงเริ่มเดินทางต่อไป
ต่อมา เวลา 15.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังวัดขนาดไข่ต้องสงสัยที่เก็บตัวอย่างมา ที่ศูนย์วิชาการ ปรากฏว่าไข่ใบดังกล่าวที่เน่าเสียแล้วทำให้เปลือกมีความเปราะบางและมีรอยร้าวอยู่แล้ว จึงมีน้ำสีเหลืองข้นไหลออกมาจากรอยร้าวดังกล่าว ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งทั่วบริเวณ เมื่อ น.สพ. ภัทรพล ทราบเรื่องดังกล่าว จึงให้เจาะเปลือกไข่เพื่อดูภายใน พบตัวอ่อนสัตว์เลื้อยคลานความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มองเห็นดวงตาทั้งสองข้างได้อย่างชัดเจนปากยาว แต่เน่าเสียมากจนไม่อาจระบุได้ว่า เป็นจระเข้หรือไม่ จึงบันทึกภาพและข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียด จากนั้นส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจระเข้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะทราบผลการพิสูจน์ในไม่ช้า ส่วนตัวอ่อนสัตว์เลื้อยคลานและเปลือกไข่แช่ฟอร์มาลิน เพื่อรักษาสภาพไว้และนำส่งผู้เชี่ยวชาญทันที
นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ล่าสุดได้สอบถามเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ รวมไปถึงผู้ที่มีความคุ้นเคยกับเขาใหญ่ ได้ข้อมูลว่า ย้อนไปหลายปีไม่เคยพบว่ามีจระเข้ในพื้นที่นี้มาก่อน เพิ่งจะมีคนมาพบเห็นเมื่อไม่นานมานี้ จึงสันนิษฐานได้ว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเป็นจระเข้ที่ถูกคนนำมาปล่อย ในส่วนของการพิสูจน์สายพันธุ์ก็จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นจระเข้น้ำจืดหรือเป็นสายพันธุ์ผสม เป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
"แม้จะแน่ชัดว่าเป็นจระเข้ที่ถูกนำมาปล่อย แต่เราก็จะต้องพิสูจน์ดีเอ็นเอต่อว่าเป็นสายพันธุ์ไหน เพื่อหาแนวทางจัดการ เพราะถ้าเป็นจระเข้สายพันธุ์ผสม ก็แน่ชัดว่าจะต้องย้ายออก แต่หากว่าเป็นจระเข้น้ำจืด ตรงนี้ต้องมาพูดคุยกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร จะปล่อยให้อยู่ในพื้นที่นี้ต่อไป หรือว่าจะต้องย้ายไปไว้ที่ไหนอย่างไร" นายเกษมสันต์กล่าวและว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับไข่ ที่พบในพื้นที่ใกล้เคียงว่า จากการตรวจสอบพบว่าไข่ดังกล่าวระเบิดออกมา ซึ่งหมายความว่าในไข่มีก๊าซมีเทน ทำให้ไข่เน่า เมื่อแกะออกมาดูพบว่าเป็นตัวยาว ๆ มีตา แต่ยังสรุปไม่ได้ว่า ไข่ฟองนี้เป็นไข่จระเข้จริงหรือไม่ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดอีกครั้ง แต่ถ้าหากเป็นไข่จระเข้จริง แสดงว่าจระเข้ที่มีอยู่นี้จะต้องมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย เพราะจากข้อมูลของจระเข้ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบว่าถึงแม้ว่าจระเข้จะมีไข่ออกมา แต่เมื่อแกะด้านในจะไม่พบเห็นตัวอ่อน ดังนั้น ถ้าหากไข่ที่พบนี้เป็นไข่จระเข้จริงจึงเชื่อว่า มันจะอยู่เป็นคู่ มีตัวผู้และตัวเมีย
"สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับเรื่องนี้คือ การจัดการเรื่องชนิดพันธุ์ต่างถิ่น หรือเอเลี่ยนสปีชีส์ ที่เริ่มระบาดอย่างหนักในอุทยานแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่รายงานว่ามีเอเลี่ยนสปีชีส์เยอะมาก เช่น กิ้งก่าอีกัวน่า และหมาบ้าน มีคนนำไปปล่อยกันเยอะ เจ้าหน้าที่หลายคนเห็นหมาบ้านไปวิ่งอยู่ในฝูงหมาใน ซึ่งในระบบนิเวศแล้วถือว่าอันตรายมาก จะต้องจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้อยากจะฝากถึงประชาชน คนที่รักสัตว์ หากพบว่าสัตว์ที่ท่านนำมาเลี้ยงแล้วเลี้ยงต่อไม่ไหว กรุณาอย่านำไปปล่อยในป่า เพราะจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งหากไม่สามารถเลี้ยงดูได้ขอให้แจ้งมายังกรมอุทยานฯ เพื่อที่จะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปรับมาดูแลให้แทน" นายเกษมสันต์กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก แนวหน้า, ข่าวสด