x close

ตำรวจรุมซ้อม หนุ่มขี่ จยย.ไม่สวมหมวกกันน็อก

ตำรวจ รุมซ้อม



ข้อหาไม่สวมหมวก ขี่จยย. ตร.รุมซ้อมอ่วม (ไทยรัฐ)

          หนุ่มร้านกาแฟร้อง ถูกตำรวจหัวหมาก 7 นายรุมซ้อม ก่อนจับส่งโรงพักแจ้งข้อหาขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่พกใบขับขี่

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 กันยายน ที่ บก.ป. นายบรรเจิด สะหะกะโร อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/2 หมู่ 9 ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ลูกจ้างร้านกาแฟไม่มีชื่อใน ซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พงส. (สบ2) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ทั้งหมด 7 นาย ทราบชื่อ 5 นาย ไม่ทราบชื่อ 2 นาย ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

          นายบรรเจิด กล่าวว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ได้นั่งดื่มเบียร์อยู่ภายในห้องพักเลขที่ 508 คอนโดมิเนี่ยม S.W.D Court ซอยรามคำแหง 22 ระหว่างนั้นรู้สึกหิวจึงขับจักรยานยนต์ออกไปซื้อข้าวกลับมากินที่ห้อง แต่เมื่อมาถึงที่คอนโดฯ ได้นำรถจักรยานยนต์ไปจอดแล้วเดินมาที่ลิฟท์ ระหว่างยืนรอลิฟท์ได้มีชายฉกรรจ์มาจับมือไพล่หลังจึงสะบัด และหันกลับไปดูก็เห็นว่าเป็นตำรวจจึงถามว่ามาจับกุมเรื่องอะไร แต่ตำรวจไม่ตอบ พร้อมกับวิทยุเรียกพวกมาอีก 6 คน ก่อนจะจับใส่กุญแจมือแล้วสั่งให้เดินไปเรื่อย ๆ จึงถามอีกว่าจะพาไปไหนก็ได้ รับคำตอบว่า "เดี๋ยวก็รู้"

          นายบรรเจิด กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนก็ถูกรุมเตะ ต่อย ทำร้ายร่างกายจนมึนหัว ส่วนคาง และเข่ากระแทกพื้นจนเลือดไหล แม้จะร้องขอให้ช่วยพาตนไปส่งโรงพยาบาลก็ได้ยินตำรวจบางคนบอกว่า "เลือดไหลแค่นี้ไม่ตายหรอก"  จากนั้นก็พาตนไปที่ สน.หัวมาก แจ้งข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ และขับรถในขณะเมาสุรา รวมทั้งให้ตนตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่ามีปริมาณถึง 185 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ตนไม่ยอมเซ็นรับทราบข้อหา และขอติดต่อทนายก่อน เพราะช่วงที่ตนขี่รถจักรยานยนต์กลับมานั้นเห็นด่านตรวจตำรวจอยู่ริมถนน แต่ตนไม่ได้ขับรถผ่านด่าน เพราะซอยที่พักถึงก่อน ต่อมา ร้อยเวร สน.หัวหมาก ได้สอบสวนแจ้งข้อหา จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นญาติจึงได้นำเงิน 30,000 บาทมาประกันตัวออกไป

          นายบรรเจิด กล่าวด้วยว่า หลังจากได้ประกันตัวญาติได้พาไปตรวจที่โรงพยาบาลสมิติเวช สาขาศรีนครินทร์ ปรากฎว่า คางแตกมีอาการติดเชื้อ กระดูกหัวเข่าขวาแตกต้องผ่าตัดด่วนภายใน 10 วัน ไม่เช่นนั้นอาจพิการ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 270,000 บาท ตนจึงขอให้ออกใบรับรองแพทย์ และปรึกษากับญาติ ก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดโดยวางเงินมัดจำไว้เป็นจำนวน 100,000 บาท ทั้งนี้ตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับตำรวจมาก่อน

          นายบรรเจิด กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องไปได้ 5 วันตนได้เข้าแจ้งความที่ สน.หัวหมาก แต่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจสังกัดเดียวกัน ต่อมาวันที่ 22 กันยายน มีคนโทรมาหาแฟนสาว อ้างตัวว่า เป็นนายตำรวจ สน.หัวหมาก สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ ขอรายชื่อตำรวจทั้งหมด เพราะจะช่วยเหลือแต่ตนปฏิเสธและยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายตนให้ถึงที่สุด โดยตนได้นำภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในคอนโดฯ มาเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี และหลังจากแจ้งความที่ บก.ป.แล้วก็จะเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรมกับกรณีที่เกิดขึ้นต่อไป

          เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องไว้ก่อนจะประสานพนักงานสอบสวน บก.ปปป.รับเรื่องดำเนินคดีต่อไปเนื่องจากเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหา ว่ากระทำผิด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คมชัดลึก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตำรวจรุมซ้อม หนุ่มขี่ จยย.ไม่สวมหมวกกันน็อก อัปเดตล่าสุด 24 กันยายน 2552 เวลา 12:01:57 48,095 อ่าน
TOP