x close

ป๋าเทพหัวเสีย! ฎีกายืนบุคคลล้มละลาย

ป๋าเทพ

เทพ โพธิ์งาม

 



สรุปประเด็นโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
 
           เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลล้มละลายกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพัทยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ โพธิ์งาม หรือเทพ โพธิ์งาม อายุ 60 ปี นักแสดงตลก และพิธีกรชื่อดัง เป็นจำเลย เรื่อง ขอให้เป็นบุคคลล้มละลาย และพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เนื่องจากเป็นหนี้ธนาคารกรุงไทยฯ กว่า 3 ล้านบาท โดยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินไปซื้อทาวน์เฮ้าส์ย่านหมู่บ้านอมรรัตน์ ย่านพัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.เมือง จ.ชลบุรี จำนวน 5 หลัง แต่กลับไม่ส่งเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยเป็นเวลานานนับปี จนธนาคารกรุงไทยฯ นำคดียื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดชลบุรี และได้มีคำพิพากษา เป็นคดีแดงที่ 693/2549 ให้เทพ โพธิ์งาม เป็นบุคคลล้มละลาย และให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  

           ทั้งนี้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลฎีกาอ้างว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินตามที่โจทก์ฟ้อง โดยมีบ้านและที่ดินใน จ.ราชบุรี รวมทั้งโค - กระบือ ที่เลี้ยงไว้หลายตัว และทรัพย์สินอื่นหลายรายการมูลค่าหลายล้านบาท ทั้งยังมีรายได้จากการเป็นพิธีกรในรายการต่าง ๆ จำนวนหลายแสนบาทต่อเดือน จึงขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งบุคคลล้มละลาย และพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดด้วย

           จากนั้น ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำนวนทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมดเมื่อนำมารวมกันมีราคาประเมินเพียง 8 แสนบาท น้อยกว่าหนี้สินตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะอ้างว่ามีรายได้กว่า 3 แสนบาทต่อเดือน แต่ก็ไม่ยอมนำสืบให้เห็นว่า จำเลยมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างจำเลยไม่มีความชัดเจน จึงพิพากษายืนให้เป็นบุคคลล้มละลาย และพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามที่โจทก์ฟ้อง

           ภายหลังนักแสดงตลกรุ่นเก๋า ให้สัมภาษณ์พร้อมด้วย น.ส.ภัสราวรรณ ทรงพีระพัฒน์ ภรรยา อย่างมีอารมณ์ว่า ไม่เห็นด้วยที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทาวน์เฮ้าส์ และที่ดินนำไปขายทอดตลาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ขายที่ดินให้แก่บุคคลทั่วไปในราคาถูกมาก ทั้งที่ตนเป็นเจ้าของแต่ไม่ยอมบอกกล่าวแม้แต่น้อย 

           "ผมรับว่าเป็นหนี้จริงก็ต้องชดใช้ ตรงไหนยอมได้ก็ยอม ตอนนี้พยายามชดใช้หนี้คืนให้แก่ธนาคารอยู่แล้ว เหลือเงินที่ต้องคืนอีก 5 แสนกว่าบาท โดยวันที่ 26 ม.ค. 2553 กรมบังคับคดีได้นัดให้ผมไปพบ เพื่อชี้แจงเรื่องการชดใช้หนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย ผมยังยืนยันว่าพร้อมจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน แต่ทำไมธนาคารไม่ได้บอกกล่าว เรื่องนำทาวน์เฮาส์ไปขายให้รู้ เหมือนที่เอาหมายศาลมาแปะหน้าบ้าน พอถามก็บอกว่าลงประกาศหนังสือพิมพ์แล้ว ตรงนี้ผมรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรเลย...แล้วเอาทาวน์เฮาส์ไปขาย แค่แสนกว่าบาท ราคาแสนกว่าบาท คิดดูเอาเองแล้วกันว่าหากเป็นเจ้าของโดนเอาบ้านไปขายบ้างจะรู้สึกยังไง..."

           ป๋าเทพยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ''ป๋าเองก็ไม่ได้คิดว่าจะไปโกงอะไรเขาหรอก เพียงแต่ว่าเราต้องการความเป็นธรรม ความเป็นธรรมมันต้องมีบ้าง ถ้าเกิดความเป็นธรรมไม่มีในแผ่นดินนี้ บ้านเราสักวันมันต้องหนักกว่านี้ ป๋าไม่ชอบเลยไอ้คนที่มันชอบเอาเปรียบคน เกลียดมากคนพวกนี้ นี่ขนาดเป็นป๋านะถ้าเป็นคนจน ๆ ที่เขาโดนยึดทรัพย์โดนยึดที่ดิน ก็เพิ่งมาเข้าใจว่า อ๋อมันโดนอย่างนี้เองเหรอ ธรรมดาเราก็ไม่เคยถึงตรงนี้หรอก กฎหมายถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดป๋าว่า แย่แน่บ้านเมืองต่อไปในอนาคตถ้าคุณไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายตรงนี้ คิดดูป๋ากู้มา 7 แสนกว่าบาท  10 ปีดอกเกือบ 3 ล้านที่เขาคิดในทีแรกอ่ะนะ ยังไม่ได้หักอะไร หักแล้วก็เหลือ 2 ล้านกว่าบาท วันนี้ป๋าก็เลยต้องมาเรียกความเป็นธรรมในวันนี้

          ที่วันนี้ได้คุยกันเราก็ขอเขาผ่อนผัน เพราะเงินที่เราหามาได้ก็ไม่ได้เก็บไว้ใช้หนี้อย่างเดียว ผมก็มีลูกมีหลาน ผมทำมาหากินผมก็ต้องใช้โน่นใช้นี่บ้าง แน่นอนหลังจากที่เราพอเหลือเราก็ใช้หนี้ได้ ซึ่งตามปกติมันต้องอย่างนั้น นี่คุณมาดูผมทำเท่านี้คุณก็จะเอาเท่านี้หมดเลย ไอ้การพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งต่อไปผมจะเอาอะไรมาหมุน ผมก็ทำไม่ได้ และทำไมเขาต้องพิทักษ์ทรัพย์ผม ทำอย่างนี้ก็เหมือนตัดแขนตัดขาผม แล้วผมจะไปสู้กับเขายังไง แทนที่ระหว่างนี้เราน่าจะช่วยเหลือกัน ไม่ต้องมาทำกันถึงขนาดนี้

           บางครั้งผมก็เหมือนคนจนตรอก มันไม่รู้จะทำยังไง ไอ้เงินป๋าว่ามันไม่เท่าไหร่ไง แต่เราไม่ชอบตรงที่ว่า เวลาจะขายบ้านทำไมไม่บอกกัน แล้วก็บอกว่าเราหายาก แต่เวลาหมายศาลมามันถูกต้องเหลือเกิน ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ก็น่าจะมาคุยกับเราว่าค้างเท่านี้คุณจะส่งกี่งวดก็ว่าไป เราไหวขนาดไหนเราก็รู้กำลังเรา ตอนไปคุยครั้งแรกเขาบอกว่าต้องให้เป็นก้อน เราก็บอกเขาว่า เราหาเงินได้ก็จริง แต่เป็นก้อน ๆ มันหายาก เพราะเราต้องใช้หนี้ ผมก็ขอเขาว่าผ่อนได้ไหม ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปโกงเขาอยู่แล้ว เขาก็บอกยังไม่ได้ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยมาถึงศาล"

           นอกจากนี้ ตลกชื่อดังยังกล่าวถึงเรื่องรายได้ที่เกิดจากการจัดคอนเสิร์ตที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ว่ารายได้จากการขาตั๋วนั้นยังไม่ครอบคลุมกับรายได้ในส่วนของค่า โปรดักชั่น และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ต้องรอรายได้จากการขายแผ่นบันทึกคอนเสิร์ตอีกทีว่าท้ายสุดแล้วหักลบ จะมีกำไรหรือขาดทุน

           ส่วนภรรยา ''จุ๋ม-ภัสราวรรณ'' กล่าวว่า  ตนเองยังติดใจในเรื่องการขายทรัพย์สินที่ตนไปกู้ว่าขายไปเมื่อไหร่ ใครเป็นคนซื้อ มีเกณฑ์วัดยังไงว่าราคาต้องเป็นเท่าไหร่ ตนเป็นลูกหนี้ก็ย่อมอยากรู้รายละเอียดเหล่านี้ แต่กลับได้รับคำตอบว่ามีการไปแปะไว้หน้าบ้าน หรือไม่ก็ประกาศทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งตนไม่เคยเห็น เลยติดใจว่าน่าจะมีความโปร่งใสมากกว่านี้




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  

 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ป๋าเทพหัวเสีย! ฎีกายืนบุคคลล้มละลาย อัปเดตล่าสุด 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา 11:21:24 24,184 อ่าน
TOP