เลี้ยงลูก รักลูก แบบ"พ่อมาร์ค" ตั้งแต่มีลูก ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก (ประชาชาติธุรกิจ)
เนื่องในเทศกาล วันพ่อแห่งชาติ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ นำเสนอ เรื่องราวของยอดคุณพ่อ ที่ชื่อ "คุณพ่อมาร์ค" นายกฯ วัย 45 ปี คุณพ่อของ น้องปราง และน้องปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขามีหลักการเลี้ยงลูกอย่างไร ให้ครอบครัวอบอุ่นและเป็นกันเอง อย่างไร รีบอ่านโดยพลัน
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เลี้ยงลูกให้เป็นเศรษฐี โดยการตั้งชื่อลูกทุกคนเป็นทอง ทั้ง 3 คน ไม่ว่า จะเป็น พานทองแท้ พินทองทา แพรทองธาร ยอดคุณพ่อแม้ว บอกเคล็ดลับการเลี้ยงลูกว่า เรียนไม่ต้องเก่งมาก แต่ขอให้เก่ง 2 อย่างพอ คือ ต้องเก่งไอที ต้องพูดภาษาอังกฤษได้
แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์" ยอดคุณพ่อ บอกหลักการเลี้ยงลูกง่าย ๆ ว่า "...ผมเชื่อในเรื่องของการที่จะให้เขาเป็นตัวของตัวเอง ส่วนหนึ่งก็มีความรู้สึกจากการที่คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้ผมทำในสิ่งที่ผมรัก ผมรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก พอรู้ว่าเราอยากเป็นนักการเมือง ก็มาส่งเสริมให้ความรู้เรา ให้คำแนะนำเรา ว่าควรจะเรียนด้านอะไร หาประสบการณ์อะไร ผมก็คิดว่า นั่นเป็นสิ่งที่ดี
เพราะฉะนั้น ผมก็คิดกับลูก ๆ เหมือนกัน ก็คือว่า อย่าไปตั้งเลยว่า เขาจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ให้เขาค้นหาของเขาเอง ว่าเขาอยากจะเป็นอะไร แล้วเราก็ทำเท่าที่เราทำได้ ในการส่งเสริมสนับสนุนเขา ส่วนรายละเอียดไปถึงขั้นว่า ตีลูกมั้ย ไม่ตีครับ ดุลูกมั้ย "ดุ" แล้วสิ่งที่สำคัญ ก็คือต้องการให้เขามีความรับผิดชอบ เช่น เรื่องการเรียน เราไม่ได้ไปคาดคั้นว่า เกรดเขาต้อง A ถ้าเขาได้รับมอบหมายให้ทำงานอะไร เขาต้องทำให้เสร็จ ต้องตั้งใจทำ ส่วนเขาได้เท่าไหร่นั้น ไม่ว่ากัน ตราบเท่าที่เขาตั้งใจ"
คุณพ่อมาร์คสนิทกับลูกมากแค่ไหน คำตอบที่ได้รับคือ "...ผมพยายามที่จะเป็นเพื่อนเขา แต่ต้องไปถามเขานะ ว่าเขายอมรับเป็นเพื่อนไหม หรือว่าแก่ไปแล้ว แต่ว่าจะเล่นกับเขาสบาย ๆ ยกเว้นเวลาติวหนังสือ จะดุมากเป็นพิเศษ แต่นอกจากนั้น ก็ค่อนข้างที่จะเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่า
"อภิสิทธิ์" ยังเล่าถึงลูกทั้ง 2 คนว่า "...ลูกสาวชอบสีเขียวนะครับ แล้วก็ทานอะไรก็ได้ที่เกาหลี ส่วนลูกชายไม่ได้มีสีอะไรเฉพาะ แต่ว่าอาหารที่เขาชอบ ก็จะเป็นของที่ทานได้ง่าย คือไข่เจียว ปลาทู สลัด หรือว่าสปาเกตตี คุณพ่อมาร์คบอกว่า "...ถ้าผมทำ เขาอาจจะไม่ชอบ คือปกติ ผมไม่ได้ทำอาหารครับ
ส่วนการวางแผนอนาคตลูก อภิสิทธิ์เห็นว่า "...ไม่ได้ไปวางไปขีดเส้นว่า ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ แต่ว่า ก็จะสนับสนุนส่งเสริมให้เขาได้มีชีวิต มีการศึกษา มีหน้าที่การงานที่ดีที่สุด ที่เขาอยากจะได้" อภิสิทธิ์ตอบอย่างภาคภูมิใจ
เรื่องที่จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกนั้น นายกรัฐมนตรีบอกว่า "ตามใจเขาครับ ลูกสาวผมก็เคยไปอังกฤษอยู่เทอมหนึ่ง แต่ปรากฏว่าไม่ชอบ เรียกว่าทดลองอยู่สักเทอม เผื่อว่าจะไปได้ ก็เลยกลายเป็นว่าทดลองแล้ว เลยปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ยอมไปเด็ดขาด ก็ไม่เป็นไร
ย้อนอดีตไปตอนที่ลูก ๆ เกิด อภิสิทธิ์เล่าว่า "...ไม่ได้อยู่ในห้องคลอด เพราะผ่าออก ที่จริง ผมไม่แน่ใจว่าเขาอนุญาตหรือเปล่านะครับ เวลาผ่า แตงคงกลัวผมเป็นลม แทนที่จะได้ทำคลอด ต้องมาดูแลผม ก็จะรออยู่ข้างนอก แต่พอคลอดเสร็จ ก็จะเอาเด็กออกมา จะเข้าไปอยู่ข้างหน้า
วินาทีแรกที่คุณพ่อวัยหนุ่มได้เห็นลูก รู้สึกยังไง คำตอบก็คือ "...เป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก นี่คือลูกของเรา จะไม่มีช่วงเวลาอย่างนั้นอีกแล้วนะครับ จริง ๆ แล้ว ตั้งแต่มีลูก ผมคิดว่าชีวิตเปลี่ยนไปมาก ทั้งการใช้ชีวิต ทั้งมุมมองอะไรต่าง ๆ จะเปลี่ยนไป ตอนลูกชาย ก็เป็นความรู้สึกว่าเป็นลูกชาย เป็นลูกชายคนแรก ก็จะมีความตื่นเต้น อภิสิทธิ์ยังเล่าว่า สถานที่เที่ยวสุดโปรดของครอบครัวเวชชาชีวะ คือทะเลและภูเขา
"...จริง ๆ แล้ว ถ้ามีโอกาสพักผ่อนกับครอบครัว ก็จะพาครอบครัวไปเที่ยว ก็หลากหลายครับ ถ้าพูดถึงที่ไปประจำ ก็จะเป็นหัวหิน ตั้งแต่เด็ก ผมก็เที่ยวที่นั่น เพราะคุณพ่อคุณแม่เคยมีบ้านอยู่ ตอนนี้ก็ขายไปแล้ว แต่ก็มีคอนโดมิเนียมอยู่ ก็จะพาครอบครัวไป
ที่จริง ลูก ๆ เขาก็ชอบหลากหลายนะครับ ทะเลก็ชอบ ภูเขาก็ชอบ โชคดีว่าเมืองไทยมีหมด จะเป็นกระบี่ ภูเก็ต สมุย และไปตามเกาะต่าง ๆ เกาะเต่า เกาะนางยวน ก็เคยพาไป ภูเขาก็เชียงใหม่ ปาย"
นี่คือ "คุณพ่อมาร์ค" แห่งครอบครัวเวชชาชีวะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
