เบียร์
สธ.แจ้งอาญา 65 คดีสิงห์ - ลีโอ - ช้าง (ไทยรัฐ)
สธ.ทำจริง ลงดาบฟัน บริษัทน้ำเมาทำผิด ก.ม. ลอตแรก 65 คดี โดนถ้วนหน้า สิงห์เจออ่วม 39 ลีโอ 11 ช้าง 14 อาซาฮี 1 พร้อมฟันปฏิทินลีโอปี 2010 และ ย้อนหลังปี 2009 ด้วย ตีความกฎหมายแล้ว ฟันลานเบียร์ สนับสนุนมิวสิกเฟสติวัลก็โดน ส่วนการเอาผิด "ตั๊น-จิตภัสร์" ทายาทสิงห์ ที่เอาปฏิทินไปแจกในทำเนียบฯกับ 6 นางแบบ อยู่ที่ตำรวจสืบสวนต่อ "หมอสมาน" เผยเตรียมฟันปฏิทินวาบหวิวเชียร์รายต่อไป ด้าน กมธ.การเงินฯหวิดหน้าแตก เพิ่งรู้ จนท.ยังไม่ส่งจดหมายเชิญ "ลูกเกด" กับนางแบบทั้ง 6 มาชี้แจง หลังเจอโต้กลับไม่รู้เรื่อง ต้องรีบให้นั่งแท็กซี่เอาไปยื่นกับมือเลขาฯลูกเกด โดยนางแบบปฏิทินยันหากลูกพี่ไม่ไป ก็ไม่โผล่ อ้างวันนัดติดถ่ายหนัง
หลังจากเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันมากว่าสัปดาห์ ถึงการที่ค่ายน้ำเมาจัดทำปฏิทินวาบหวิวแนวปลุกใจเสือสิงห์กระทิงเปลี่ยว ด้วยการบอดี้เพนต์ 6 นางแบบสาว ออกมาหวังเป็นการมอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ลูกค้า แต่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้ว่าปฏิทินนู้ดดังกล่าวเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และกลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมเรื่อยมา รวมถึงถูกมองว่าอาจมีหลายมาตรฐานหรือไม่นั้น
กระทั่งเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีมติเห็นพ้องกันให้ดำเนินการแจ้ง ความเอาผิดกล่าวโทษความผิดทางอาญากับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบื้องต้น 65 คดี จากทั้งหมด 500 กว่าคดี
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและนิเทศศาสตร์ได้เห็นพ้องกันว่ามีข้อมูลยืนยันหนักแน่นเพียงพอสำหรับการสั่งฟ้อง โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการทำสำนวนดำเนินคดีกับ 65 คดี จากทั้งหมด 500 กว่าคดี โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 14 ก.พ. 2551 โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สิงห์ 39 คดี, ผลิตภัณฑ์ลีโอ 11 คดี, ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช้าง 14 คดี และผลิตภัณฑ์อาซาฮี 1 คดี และแบ่งเป็นฐานความผิดเรื่องปฏิทิน 2 ราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ลีโอ ทั้งปฏิทินของปี 2009 และปี 2010 ฐานความผิดเรื่องลานเบียร์ 5 ราย ได้แก่ สิงห์ 3 คดี และช้าง 1 คดี อาซาฮี 1 คดี
นอกจากนี้ ยังมีฐานความผิดการจัดงานมิวสิก เฟสติวัล 2 คดี ของสิงห์และช้าง ฐานความผิดด้วยการโฆษณาบนรถยนต์ 5 คดี และเสื้อ 5 คดี และที่พบมากสุดคือ ป้ายไฟนีออนโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 46 คดี แบ่งเป็นมี สิงห์ 25 คดี ช้าง 12 คดี และลีโอ 9 คดี
"ในส่วนของความผิดของ 400 กว่าคดีที่เหลือจะดำเนินการแจ้งความเอาผิดกล่าวโทษทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นลอตๆต่อไป ขอยืนยันว่าดำเนินการเอาผิดกับทุกบริษัทเท่าเทียมกัน เพราะในส่วนของปฏิทินยี่ห้อเชียร์ จะดำเนินการแจ้งความต่อไปเช่นกัน แต่ส่วนจะเอาผิดกับเหล่านางแบบ หรือผู้นำปฏิทินเหล่านี้ไปแจกจ่ายอย่างกรณีของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี อดีตข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้น คงเป็นหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงลึกในรายละเอียดในชั้นการสอบสวนว่าสาวไปถึงใครที่เกี่ยวข้องบ้าง" นพ.สมานกล่าว
ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กล่าวอีกว่า การกระทำกิจกรรมอย่างปฏิทิน ถือว่ามีพฤติกรรมความผิด 4 ส่วน ได้แก่
1. เริ่มจากบริษัทเจ้าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบริษัททำปฏิทินจัดแถลงข่าว มีการเผยแพร่ขายและแจก มีวัตถุประสงค์เพื่อขายสินค้าให้เกิดมุมมองที่ดีกับสินค้า
2. การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ตอกย้ำแบรนด์ แสดงชื่อยี่ห้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเนื้อหาปกที่มีชื่อ และในตัวนางแบบอกอันเปลือยเปล่าก็มียี่ห้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก
3. ต่อมาเป็นการส่งเสริมการขาย สมนาคุณให้ลูกค้า ทำให้เพิ่มยอดการขาย เพราะมีการส่งเสริมการขายที่ชัดเจน
4. การจัดสนับสนุนให้มีกิจกรรมพิเศษ เพื่อตอบแทนลูกค้าในปีใหม่
ทั้งนี้ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าดำเนินการอะไรได้ บ้างหรือไม่ได้ ขณะนี้อยู่ที่เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ จะมีผลบังคับใช้ ในร่างดังกล่าวจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าบริษัททำอะไรได้บ้าง
ด้าน ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 กล่าวว่า การพิจารณาการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ส่วนใหญ่ผิดตามมาตรา 32 เพราะหากยึดตามนิยามศัพท์ใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การทำปฏิทินถือเป็นการโฆษณาโดยตรง ลึกยิ่งไปกว่านั้นหากมีการจัดกิจกรรมก็เข้าข่ายเป็นความผิดส่งเสริมการขาย ซึ่งโดยสามัญสำนึกของประชาชนทั่วไปการทำปฏิทินเท่ากับเป็นการโฆษณาอยู่แล้ว และหากมีการลดแลกแจกแถม ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 30 (5) ด้วย โดยทั้งหมดต้องดำเนินคดีทางอาญา หากผู้ประกอบการยังยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมายหรือยังไม่เข้าใจ เมื่อเป็นกฎหมายใหม่ก็ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
"นักธุรกิจต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่หาประโยชน์จากการสูญเสียทางสังคม รวมทั้งต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ไม่ใช่ค้ากำไรเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาชีพการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางพุทธศาสนาถือเป็นมิจฉาอาชีวะ เป็นอาชีพที่ไม่ดีอยู่แล้ว" ศ.นพ.วิฑูรย์กล่าว
น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในเดือนมกราคมปี 2553 จะเชิญผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทโฆษณาเข้าร่วมประชุม เพื่อร่วมกันกำหนดจริยธรรมเพื่อเป็นการใช้มาตรการทางสังคมในการควบคุมกำกับพฤติกรรม เช่น หากยังมีการทำความผิดซ้ำๆ ภาคประชาสังคมเข้มแข็งอาจใช้วิธีการบอยคอตไม่ซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นก็ได้ เนื่องจากจะใช้กฎหมายอย่างเดียวคงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังหารือกับต้นสังกัดของดารา นางแบบ ให้มีการตักเตือนดูแลกัน และให้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดกับเด็ก เยาวชน และสังคมด้วย
หลังจากนั้น นายมานิตได้มอบสำนวนให้กับ พ.ต.ท.ดนุ กล่ำสุ่ม รองผู้กำกับกลุ่มงานกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตัวแทนของ สตช.ที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ พ.ต.ท.ดนุ กล่าวว่า กรณีความผิดทั้งหลายจะดำเนินการแจ้งความเอาผิดตามพื้นที่ที่เกิดเหตุ แต่ในส่วนของปฏิทินที่พบความผิดหลายพื้นที่ อาจมีการดำเนินการทำเป็นสำนวนกลางเอาผิดอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนความคืบหน้ากรณีคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เรียกผู้ผลิตปฏิทินนู้ดลีโอ นางแบบทั้ง 6 และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามาชี้แจงในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ แต่ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล เจ้าของบริษัทฟินาเล คอมพานี ผู้จัดทำปฏิทินนู้ดลีโอ กลับบอกยังไม่ได้รับหนังสือเชิญและคงไม่ไป เพราะติดฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวนั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ในวันที่ 21 ธ.ค. ถึงเรื่องนี้ว่า ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมาธิการฯ เพิ่งทราบว่าไม่ได้ส่งหนังสือเชิญไปให้ลูกเกดที่บริษัทฟินาเล เพราะไม่ทราบที่อยู่ที่ชัดเจน จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่หาที่อยู่ของบริษัทให้ได้ และนั่งรถแท็กซี่นำหนังสือเชิญร่วมประชุมไปส่งให้ถึงที่ พร้อมส่ง จดหมายลงทะเบียนอีเอ็มเอสไปถึงอย่างเป็นทางการด้วย พร้อมขอเชิญร่วมประชุมผ่านสื่อมวลชนอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อให้เจ้าของบริษัทฟินาเล และ 6 นางแบบปฏิทินเบียร์ลีโอ มาให้ข้อมูลต่อที่ประชุม ซึ่งเมื่อเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมาธิการฯแจ้งให้ทราบว่าเลขานุการส่วนตัวของลูกเกดได้รับหนังสือเชิญร่วมประชุมแล้ว และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่เชิญไปด้วย จะได้หาทางออกร่วมกันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายไม่มีการเลือกปฏิบัติ
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทราบว่า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นผู้ชี้ว่ารูป 6 นางแบบบนปฏิทินเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อ้างว่าติดภารกิจจะไม่มาชี้แจง จึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ทราบ และขอให้กำชับให้ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาชี้แจงด้วย ซึ่งนายมานิตรับปากว่าจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง และกำชับให้ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการฯ มาชี้แจงด้วย หากไม่มาคณะกรรมาธิการฯจะทำหนังสือประณามแน่ เพราะหนี ไม่ยอมมาชี้แจง ทั้งที่เป็นคนแรกที่ออกมาชี้ว่าปฏิทินดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ได้ส่งทีมงานไปถ่ายวีดิโอโฆษณาสุรา เบียร์ยี่ห้อต่างๆ รวมถึงเด็กเชียร์เบียร์ตามสถานบันเทิงด้วย เพื่อเตรียมเปิดให้ที่ประชุม พิจารณาร่วมกันว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 หรือไม่ ที่ห้ามโฆษณา คาดว่า ปฏิทิน 6 นางแบบ จะไม่ผิดกฎหมาย เพราะหากผิดโฆษณาเบียร์ และ สุราทุกยี่ห้อ ในประเทศผิดกฎหมายหมด สำหรับประเด็นที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุมวันที่ 23 ธ.ค. นี้ คือคนที่จ้าง คือบริษัท คนที่รับจ้างคือนางแบบ คนที่รับผลิตปฏิทิน คนที่เผยแพร่ปฏิทิน มีความผิดหรือไม่ ต้องเอาให้ชัดเจน
ด้านความเคลื่อนไหวของลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล เจ้าของบริษัทฟินาเล คอมพานี ผู้จัดทำปฏิทินนู้ดลีโอ และ บรรดา 6 สาวนางแบบบอดี้เพนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยืนยันจะเดินทางไปชี้แจงต่อกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร หากมีหนังสือเชิญให้ไปชี้แจงตามที่เป็นข่าว แต่ล่าสุดทุกคนทำท่าจะกลับลำไม่เดินทางเข้าชี้แจงแล้ว หลังจากที่ ลูกเกด-เมทินี ออกมาบอกว่า วันที่ 23 ธ.ค. ยังติดฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด ประกอบกับไม่มีหนังสือเชิญ จึงจะไม่เดินทางไปพบคณะกรรมาธิการฯ อย่างแน่นอน ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก อุ้ม-ลักขณา วัธนวงศ์ศิริ หนึ่งใน 6 นางแบบนู้ดลีโอ ว่าตนก็ยังไม่มีหนังสือแจ้งมา ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย วันที่ 23 ธ.ค. ก็ติดเปิดกล้องหนังคงไปไม่ได้ ยิ่งถ้าพี่ลูกเกดไม่ไปนางแบบทุกคนก็คงไม่มีใครไป ก่อนหน้านี้มีการคุยกันแล้วว่า ถ้าเขามีหนังสือเรียกไปคุยก็ต้องไป แต่ถึงวันนี้ได้ถามกันดูทุกคนไม่มีใครได้รับ มีแต่นักข่าวมาถามเท่านั้น ทุกคนรู้จากข่าวอย่างเดียวว่า เขาจะเรียกไปพบ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ทางพี่ลูกเกดกับทางบริษัทบุญรอดฯคงแจ้งมาให้ทราบอีกที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
