พ.ต.ท.กินยาลดอ้วน เบลอหนัก ยิงเมีย ร.อ.สาหัส (ข่าวสด)
ขับรถสวนเลน-ตกถนน ชักปืนออกมาก่อนลั่นไก เมียให้การช่วย-อุบัติเหตุ ผบช.น.เด้งทันที-สอบซ้ำ
พ.ต.ท.เครียดยิง ร.อ.เมียสาวสาหัส ขณะขับเก๋งออดี้ไปกับเมียสาวแล้วเกิดเสียหลักตกข้างทาง ชาวบ้านพยายามเข้าไปช่วย แต่ได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด กระสุนโดนเมียสาวที่หัวไหล่ ก่อน พ.ต.ท.ออกมายืนชูปืนขู่ไม่ให้คนเข้าใกล้ ตร.ต้องกล่อมอยู่นานจึงยอมให้พาส่งโรงพยาบาล ส่วน พ.ต.ท.ก็มีอาการเครียดและเบลอต้องเข้ารักษาตัวเช่นกัน เบื้องต้นพบ พ.ต.ท. กินยาลดความอ้วนจนเกิดอาการเบลอ คาดเป็นสาเหตุให้เครียดจัดจนก่อเหตุ ผบช.น.สั่งเด้งเข้ากรุ 90 วัน ตั้งกก.สอบด่วน ผบก.น.1 ระบุ พ.ต.ท. เครียดเรื่องงาน ก่อนเกิดเหตุพยายามจะยิงตัวตาย แต่เมียยื้อแย่งปืนจนเกิดลั่นโป้งเข้าหัวไหล่ หมอเตือนยาลดความอ้วน ผสมสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีอาการข้างเคียง ถ้าเครียดแล้วใช้ยาอาจมีปัญหาการตัดสินใจ
คดีปริศนาผัวเมียยิงกันครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 6 ม.ค. ร.ต.อ.บรรจง หนูหวา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเหตุรถตกลงไปข้างทางบริเวณโค้งสะพานดำ ถนนปทุมธานี-นนทบุรี ม.10 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี และมีเสียงอาวุธปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นมีเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ถูกชายแต่งชุดตำรวจถืออาวุธปืนขู่ไม่ให้ใครเข้าไปช่วยเหลือ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผกก.สภ.เมือง กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งออดี้ สีเขียว ทะเบียน ษธ 4869 กรุงเทพ ตกลงไปข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามช่วยพูดเจรจากับชายแต่งเครื่องแบบตำรวจที่ถือปืนอยู่ เพื่อให้ช่วยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เพราะมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ แต่นายตำรวจคนดังกล่าวซึ่งมีอาการเบลอ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปใกล้
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมประมาณ 20 นาที นายตำรวจคนดังกล่าว จึงยอมให้เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งลงไปช่วยนำหญิงคนเจ็บขึ้นมาส่งโรงพยาบาลปทุมธานี ทราบชื่อในเวลาต่อมาว่า ร.อ.หญิงรัตนพร แก้วต่าย อายุ 36 ปี ถูกอาวุธปืนเข้าที่ไหล่ซ้ายกระสุนฝังใน ส่วนนายตำรวจที่ถือปืนทราบชื่อคือ พ.ต.ท.พัลลภ แก้วต่าย สว.จร.สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในอาการลักษณะเครียดจัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามมารับตัวกลับไปทันที
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นรถเก๋งออดี้คันดังกล่าวได้วิ่งสวนทางแยกวัดบางนางบุญขึ้นมา แล้วรถเสียหลักแหกโค้งสะพานดำตกลงไปข้างทาง จากนั้นมีหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อมีคนพยายามลงไปช่วยกลับถูก พ.ต.ท.พัลลภ ถือปืนขู่ไม่ให้เข้าไป ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดโดน ร.อ.หญิงรัตนพร ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ต่อมา พ.ต.อ.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผกก.สภ. เมืองปทุมธานี สั่งการให้ยกรถเก๋งออดี้ สีเขียว ทะเบียน ษธ 4869 กรุงเทพ ที่ตกลงไปข้างทางขึ้นมาตรวจสอบ พบอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก แม็กกาซีนมีกระสุนจำนวน 8 นัด และพบปลอกกระสุน 1 ปลอกที่ตกอยู่บริเวณพื้นรถด้านคนขับ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.ธวัชชัยกล่าวว่า คดีนี้ยังไม่ได้ตั้งข้อหาผู้ใด เพราะยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง อีกทั้ง ร.อ.หญิงรัตนพรถูกอาวุธปืนเข้าที่ไหล่ซ้ายกระสุนฝัง ยังนอนรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ เนื่องจาก ร.อ. หญิงรัตนพรทำงานอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ เบื้องต้นทราบว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ให้การคร่าว ๆ ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอุบัติเหตุ
"ได้สอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.พัลลภ ได้ความว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน พ.ต.ท. พัลลภทานยาลดความอ้วนเป็นเวลานานแล้ว และมักจะเกิดอาการผิดปกติขึ้นมาบ่อยครั้ง มีอาการเบลอแต่ไม่รุนแรงมาก ยังพูดจาพอรู้เรื่อง แต่เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าทั้งคู่เกิดอะไรขึ้นจึงได้ขับรถมาที่ จ.ปทุมธานี ทั้งที่บ้านพักอยู่ที่บางกรวย จ.นนทบุรี และยังขับรถย้อนศรขึ้นมาจนมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งจะต้องรอให้พ.ต.ท. พัลลภหายจากอาการเบลอ และรอให้ ร.อ.หญิงรัตนพร หายเป็นปกติจะเชิญตัวมาสอบปากคำหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป" ผกก.สภ.เมืองปทุมธานีกล่าว
เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ได้มีหนังสือให้ พ.ต.ท.พัลลภมาช่วยราชการที่บก.อก.บช.น. เป็นเวลา 90 วัน และในส่วนของ บก.น.1 จะให้ พ.ต.อ.วิชาญญ์ วัชร์ บริรักษ์กุล รองผบก.น.1 ตั้งกรรมการสอบ สวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนเรื่องของคดีนั้นจะให้ตำรวจปทุมธานีดำเนินการ
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท.พัลลภเครียดจากการทำงาน ซึ่งจากการสอบถามพบว่าเป็นโรคเครียดมานานแล้ว โดยขณะเกิดเหตุได้พยายามใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตัวเอง เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ภรรยาแย่งปืนห้ามไว้ จึงเป็นเหตุให้ปืนลั่นได้รับบาดเจ็บ และทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง ซึ่งต้องรอให้ผู้บาดเจ็บหายดีเสียก่อน จึงจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไปได้
ส่วน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.ท.พัลลภ ขณะนี้ พ.ต.ท.พัลลภและภรรยา ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ซึ่งอาการของภรรยาทราบว่าปลอดภัยแล้ว ส่วนอาการ พ.ต.ท.พัลลภนั้นทราบเบื้องต้นว่า ป่วยเป็นโรคเครียด มานานแล้ว และเคยมีอาการลักษณะนี้มาก่อนหน้า คงจะให้ พ.ต.ท.พัลลภรักษาตัวจนหายป่วยก่อนที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติได้
วันเดียวกัน น.พ.ฆนัท ครุฑกูล แพทย์ผู้เชี่ยว ชาญด้านโรคหัวใจและโภชนาวิทยาคลินิก ศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมทาบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ยาที่ใช้ลดน้ำหนักมีหลายประเภท อาทิ ยาประเภทใช้ลดการดูดซึมไขมัน แต่ไม่ได้ผลและมีราคาสูง มีผลข้างเคียงคือท้องเสีย ยาเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย แต่ยาประเภทดังกล่าวทำให้ต่อมฮอร์โมนไทรอยด์ทำงาน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และยาลดน้ำหนักประเภทที่ออกฤทธิ์กดประสาทควบคุมความหิว ซึ่งยากลุ่มดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง ทำให้มีการยกเลิกการจำหน่ายไปแล้วหลายตำรับ เพราะยากลุ่มนี้จะมีการผสมยากลุ่มแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเป็นยากลุ่มเดียวกับยาเสพติด การรับประทานต้องทำภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ไม่ได้รับอันตรายจากการใช้ยาผิดวิธี
"ปัญหาที่มักเกิดขึ้นจากการใช้ยาเพื่อลดน้ำหนัก โดยมากคือ การใช้ยาผิดวิธี ใช้เกินขนาด เพิ่มปริมาณยาเองโดยพลการ อาการข้างเคียงที่มักพบเมื่อยาไม่ถูกต้อง เช่น หน้ามืด นอนไม่หลับ ใจสั่น โดยเฉพาะหากมีอาการเครียดจะทำให้การตัดสินใจไม่ดี ซึ่งกรณีดังกล่าวเชื่อว่านายตำรวจคนดังกล่าวอาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย แต่เมื่อมีการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้ฤทธิ์ของยาควบคุมการตัดสินใจด้วย" น.พ.ฆนัท กล่าวและว่า
สำหรับข้อบ่งชี้ในการใช้ยาหากเป็นผู้มีโรค ประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ จะมีอันตรายและเกิดอาการข้างเคียงเมื่อใช้ยาควบคุมน้ำหนักได้ ซึ่งยาควบคุมน้ำหนัก ถือเป็นยาควบคุมพิเศษต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และไม่มีขายในร้านขายยา หากมีในร้านขายยาทั่วไปถือว่าผิดกฎหมาย และอาจเกิดอันตรายได้ โดย ที่ผ่านมา สำนักงานอาหารและยา (อย.) มีการเพิกถอนตำรับยาลดน้ำหนัก โดยเฉพาะประเภทออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทไปแล้วหลายตัว หากซื้อมารับประทานเองอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
