เลิกนำเข้าปาล์ม หันซื้อในประเทศ (ไทยโพสต์)
บอร์ดปาล์มเลิกนำเข้า หลังคาดการณ์ 3 หมื่นตันใช้ได้ถึง 14 มี.ค. สั่งลุยซื้อผลผลิตในประเทศ 4 หมื่นตันแทน "ชัยวุฒิ" ยันน้ำตาลไม่ขาดแคลนแน่นอน
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์ม พบว่าหลังจากมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 30,000 ตันแล้ว จากความต้องการใช้ในประเทศที่มีวันละ 1.5 ล้านลิตร คาดว่าจะใช้ได้ถึงวันที่ 14 มี.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนั้นจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. คาดว่าจะมีผลผลิตปาล์มในประเทศออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
ที่ประชุมจึงมีมติให้โรงสกัดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรในจำนวน 40,000 ตัน ในราคาตามตลาดโลกหรือราคาตลาดมาเลเซียปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 6-7 บาท โดยรัฐจะชดเชยให้ในราคากิโลกรัมละ 2.50 บาท เพื่อให้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดขายได้ในราคาลิตรละ 47 บาทได้
"หลังจากประเมินสต็อกน้ำมันปาล์มที่นำเข้ามาแล้ว 30,000 ตัน พบว่าน่าจะใช้ได้ถึงวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งหลังจากวันที่ 14 มี.ค.จะมีผลผลิตของเกษตรออกมา ที่ประชุมจึงมีมติให้รับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรแทนการนำเข้าที่เกรงว่าจะกระทบต่อราคาผลผลิตภายในประเทศ" นายยรรยงกล่าว
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า มั่นใจว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำตาลทรายสำหรับบริโภคภายในประเทศ จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน โดยเชื่อว่า 66 ล้านกระสอบที่เตรียมไว้น่าจะเพียงพอ แต่หากไม่พอ กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมจะบรรจุเพิ่ม เพราะขณะนี้ปริมาณน้ำตาลทรายในสต็อกมีเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านกระสอบ อันเป็นผลมาจากค่าความหวานของอ้อยสูงขึ้นจากฤดูกาลที่แล้ว ทำให้น้ำตาลทรายเพิ่มเป็น 76 ล้านกระสอบ
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ให้ปรับเพิ่มราคารับประกันข้าวในโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2553/54 รอบที่ 2 โดย
1. ข้าวเปลือกปทุมธานีเพิ่มเป็น 1.15 หมื่นบาทต่อตัน จาก 1.1 หมื่นบาทต่อตัน
2. ข้าวเปลือกเจ้าเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นบาทต่อตัน จาก 1 หมื่นบาทต่อตัน
3. ข้าวเปลือกเหนียว เพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทต่อตัน จาก 9,500 บาทต่อตัน และเพิ่มปริมาณรับประกันเป็นไม่เกิน 30 ตันต่อครัวเรือน จากเดิมไม่เกิน 25 ตันต่อครัวเรือน ใช้งบประมาณ 3.04 หมื่นล้านบาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
