เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก latimes.com, rte.ie, amnesty.org และ usdailyinsights.info
สถานการณ์ในบาห์เรนกลับมาคุโชนอีกครั้ง หลังผู้นำสุหนี่ประกาศกฎอัยการศึก ดึงทหารเพื่อนบ้านเป็นกำแพงหนุน เช้าวันพุธรัฐบาลส่งกำลังทหาร-ตำรวจพร้อมเฮลิคอปเตอร์เข้าสลายการชุมนุมของ ผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่ปักหลักตั้งค่ายกันที่จัตุรัสไข่มุก เกิดการปะทะหนักหน่วงมีคนล้มตายอย่างน้อย 5 ราย
กำลังทหารและตำรวจปราบ จลาจลนับพันนายใช้แก๊สน้ำตาและยานหุ้มเกราะบุกเข้าไปขับไล่และรื้อถอนค่าย ของกลุ่มผู้ประท้วงชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ภายในและบริเวณโดยรอบจัตุรัสไข่มุก กลางกรุงมานามา เมื่อเวลาราว 7 โมงเช้าวันพุธ โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ตลอดเวลา แต่ถูกพวกวัยรุ่นซึ่งพยายามปกป้องจัตุรัสอันเป็นสัญลักษณ์ของการลุกฮือของ ชาวชีอะห์ที่เป็นชนส่วนใหญ่ในบาห์เรนมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ขว้างปาระเบิดขวดตอบโต้ และกระจายกันหลบหนีไปตามเส้นทางต่างๆ กลุ่มควันจากแก๊สน้ำตาฟุ้งกระจายบนถนนหลายสายและมีควันดำลอยขึ้นจากจัตุรัส พร้อมกับเสียงระเบิดที่คาดว่าเกิดจากถังแก๊สหุงต้มและการจุดไฟเผากระโจม กระนั้นเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็สามารถเคลียร์พื้นที่ได้
ทหารคลุมหน้าถือปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติได้ตั้งจุดสกัดปิดกั้นถนนหลายสาย รวมถึงสายหลักที่มุ่งสู่ย่านสิตรา เขตชุมชนชาวชีอะห์ไว้ด้วย ถนนทั่วกรุงมานามาในวันพุธเงียบเหงา ร้านรวงต่างๆ ปิดกิจการ สถานศึกษาปิด และผู้คนเข้าแถวรอกดเงินจากตู้เบิก
แหล่งข่าวในโรงพยาบาลกล่าวว่า มีตำรวจ 3 นาย และผู้ประท้วง 2 คนเสียชีวิตจากการปะทะกันตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งเกิดขึ้นให้หลังกษัตริย์ฮาหมัดทรงประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ 1 วันก่อน เพื่อระงับสถานการณ์วุ่นวายที่กลับมาคุโชนอีกครั้งนับแต่การชุมนุมเมื่อ เดือนที่แล้ว และทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่าจะเลวร้ายลงจนกลายเป็นการปะทะข้ามนิกาย ราชวงศ์คอลิฟะห์ยังได้ร้องขอให้ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่ง ต่างเป็นผู้ปกครองนิกายสุหนี่ ส่งกำลังทหาร-ตำรวจมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยด้วย แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทหาร-ตำรวจจากสองชาตินี้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการ ยึดพื้นที่คืนหรือไม่
ด้านกลุ่มขบวนการเยาวชนที่เป็นแกนนำการประท้วง ได้ประกาศท้าทายคำกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ที่เตือนประชาชนห้าม ร่วมการชุมนุมเพื่อสวัสดิภาพของตนเอง ด้วยการออกมาเรียกร้องให้ประชาชนร่วมการชุมนุมครั้งใหญ่อีก ในเวลา 15.30 น. โดยนัดแนะให้เดินขบวนจากชานกรุงเข้ามายังถนนบูดายาทางตอนเหนือของมานานา ทว่าต่อมาในช่วงบ่าย กองทัพได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วเมืองหลวงตั้งแต่เวลา 16.00-04.00 น. และห้ามการชุมนุมทุกชนิดทั่วประเทศ
อับเดล จาลิล คาลิล ส.ส.จากกลุ่มวาฟัก พรรคฝ่ายค้านชีอะห์ ประณามการโจมตีของรัฐบาลครั้งนี้ว่าเป็นการประกาศสงครามกับชุมชนชาวชีอะห์ เขาบอกด้วยว่าเห็นเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุม และมีประชาชนโดนกองกำลังความมั่นคงฆ่าตายอย่างน้อย 5 คน แต่ไม่มีรายงานอิสระยืนยันคำกล่าวของเขา
การใช้ความรุนแรงของทางการ บาห์เรนยังทำให้ผู้นำทางศาสนานิกายชีอะห์ในอิรัก มุกตะดา อัลซัดร์ เรียกร้องให้ชาวชีอะห์ในอิรักชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ที่กรุงแบกแดดและเมือง บัสเราะห์ในวันเดียวกันเพื่อแสดงความสนับสนุนชาวชีอะห์ในบาห์เรน.
คลิป ประท้วงเดือด ในบาห์เรน
[16 มีนาคม กษัตริย์บาห์เรน ประกาศภาวะฉุกเฉิน 3 เดือน ]
หลังจากที่ประชาชนในประเทศบารห์เรน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชีอะห์ ลุกฮือประท้วงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงขับไล่ให้รัฐบาลลาออก และเปลี่ยนแปลงการปกครองของราชวงศ์คาลิฟา ไปเป็นระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์การประท้วงจะไม่สงบลงง่าย ๆ เนื่องจากเกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วง กับตำรวจปราบจลาจลหลายครั้ง โดยมีทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุดวันนี้ (16 มีนาคม) สถานีโทรทัศน์ของบาห์เรน รายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัลคอลิฟะห์ ของบาห์เรน (King Hamad bin Isa al- Khalifa) ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อรับมือกับการประท้วงและสถานการณ์ความไม่สงบ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการกองทัพ ในการปราบปรามและรับมือผู้ประท้วง
ขณะเดียวกัน บาห์เรน ได้ร้องขอไปยังมิตรประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย ให้ส่งกองกำลังเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ บาห์เรน เป็นชาติอาหรับอีกประเทศ ที่มีประชาชนลุกฮือประท้วง หลังจากได้รับกระแสจากประเทศอียิปต์และตูนิเซีย ที่โค่นล้มผู้นำสำเร็จ โดยคนที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี ได้ใช้เว็บไซต์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก เป็นที่ปลุกระดมให้คนหนุ่มสาวออกมาชุมนุมเรียกร้อง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
