"คอรัปชั่น"กัดกร่อนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนย้ำโกงกินปีละ2แสนล้าน-แนะรื้อกม.เอื้อรสก.เติบโต (ไทยโพสต์)
ภาคเอกชนย้ำ ปัญหาคอรัปชั่น ตัวร้ายกัดกร่อนเศรษฐกิจไทยเติบโต พบโกงกินกันสูงปีละ 2 แสนล้านบาท เรียกร้องต่อต้านสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายโดยคนขี้ฉ้อ สอท.แนะกระจายลงทุนไปสู่ภูมิภาค "ปิยสวัสดิ์" จี้รื้อกฎหมาย ลดอุปสรรคต่อรัฐวิสาหกิจ
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายในงานสัมมนา "วาระแห่งชาติ ขับเคลื่อนขีดแข่งขันเศรษฐกิจประเทศไทย ว่า จุดแข็งของประเทศไทยคือ การค้าต่างประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 70% แต่จุดอ่อนคือ ระบบโลจิสติกส์ จากการสำรวจเมื่อ 3-4 ปีก่อน ไทยถูกจัดอันดับที่ 42 แต่ปีที่ผ่านมา หล่นมาอยู่อันดับ 52 และดูจากแนวโน้มแล้ว อีกไม่นานคงไปอยู่อันดับท้ายสุด ดังนั้น การพัฒนาระบบโลจิสติกส์จึงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้ว การใช้ระบบโลจิสติกส์อยู่แค่ 8% ของจีดีพี ขณะที่ไทยยังสูงถึง 19%
ขณะ เดียวกัน ปัญหาการคอรัปชั่นที่เป็นตัวกัดกร่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะมีคนที่เอาเปรียบอยู่ในสังคม โดยการจ่ายเงินให้นักการเมืองและข้าราชการ ซึ่งผู้บริโภคก็จะเป็นผู้รับเคราะห์ เพราะคนจ่ายใต้โต๊ะคงไม่ใจบุญ สุดท้ายก็มาบวกรวมอยู่ในราคาสินค้านั่นเอง
"จากการทำผลสำรวจพบว่า ปีหนึ่งมีการโกงกินในประเทศประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าทุกคนมีความคิดว่า ถ้าโกงนิดหน่อย แต่ทำให้เจริญ ก็ไม่ว่ากันนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเราปล่อยไว้ ก็จะทำให้เขาเลวขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เรานิ่งเฉย เชื่อว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยอาจจะล่มสลายและถูกลบทิ้งออกจากแผนที่โลกก็ได้ ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องดูว่าสินค้าใดที่ผลิตจากคนโกง แม้จะมีราคาถูกกว่าก็ไม่ควรสนับสนุน" นายดุสิตกล่าว
นายดุสิตกล่าวว่า เท่าที่ฟังนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองก็มีแต่ให้ ทำให้สงสารประเทศไทย ถ้าจะมีนักการเมืองแบบนั้น เพราะคงอยู่ไม่ได้ โดยอยากให้นักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องทำเรื่องปราบคอรัปชั่น อย่างจริงจังด้วย
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีการแข่งขันทางธุรกิจสูง แนวโน้มการลงทุนในอนาคตควรจะมีการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เป็นเอสเอ็มอีพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจตัว เองเพื่อให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง
สำหรับอุปสรรคต่อการเพิ่มขีดความสามารถการ แข่งขันของไทยคือ ระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ยังอ่อนด้อย โดยจะเห็นได้ชัดจากระบบเทคโนโลยีการสื่อสาร (ไอซีที) ที่พบว่าเราอยู่อันดับ 50 กว่าของโลก และกฎระเบียบที่มีมากและทับซ้อนจนทำอะไรไม่ได้ จึงต้องกลับมาทบทวนดูเพราะกฎระเบียบที่มากเป็นอีกช่องทางของการคอรัปชั่น
นาย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจมีบทบาทสำคัญและเป็นตัวชี้วัดถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ หากต้องการผลักดันให้รัฐวิสาหกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนจะต้องมี 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.ต้องมีการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพการให้บริการที่ดี 2.การกำกับดูแลของภาครัฐต้องมีการแบ่งแยกบทบาทอย่างชัดเจน ระหว่างฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ 3.รัฐวิสาหกิจต้องมีความคล่องตัวในการบริหารงาน และ 4.การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขยายกิจการ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
