ยิ่งลักษณ์ ยันไม่ยุบทิ้งกองทุนน้ำมัน แค่เลิกชั่วคราว (ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ยิ่งลักษณ์ เผยไม่ยุบทิ้งกองทุนน้ำมัน แค่ยกเลิกจัดเก็บแบบชั่วคราว เท่านั้น
นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้งการยกเลิกกองทุนน้ำมัน, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และปริญญาตรี 15,000 ต่อเดือน เริ่มส่อเค้ามีปัญหามากขึ้น หลังผู้เกี่ยวข้องโดยตรงได้วิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างหนาหู
ทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้มีนโยบายยุบกองทุนน้ำมัน เพียงแต่ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนแบบชั่วคราวในน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล รวมทั้งต้องรอดูเวลาในการยกเลิกก่อนว่าจะนานเท่าใด เนื่องจากพรรคไม่ได้มีนโยบายจะยกเลิกตลอด แต่ดูระบบเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง อีกทั้งยังต้องรอดูแผนงบประมาณต่าง ๆ ด้วย ถ้าตรงไหนที่เราแบกภาระได้ก็จะแบกไปก่อน จนกว่าเศรษฐกิจดีก็จะมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเหมือนเดิม
"เราจะค่อยเป็นค่อยไป ต้องขอไปทำแผนงบประมาณก่อน เราไม่ได้จะยกเลิกตลอดเวลา ขอปรับตามความเหมาะสม ถ้าช่วงไหนที่เศรษฐกิจดีก็ต้องเก็บภาษีกลับคืนมาเพื่อไปกระตุ้นภาคอื่น ๆ " น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
สำหรับกรณีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ทีมเศรษฐกิจพรรค ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปได้ที่จะปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทจากลอยตัวเป็นคงที่แบบจีนนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ยังไม่ใช่นโยบาย น่าจะเป็นการวิเคราะห์ เราคงจะไม่ไปแทรกแซงค่าเงินบาท จริง ๆ แล้วค่าเงินบาทแข็งก็เป็นประโยชน์สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ
"วันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางแบงก์ชาติ ต้องไปทำงานกับผู้มีความรู้ เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหวมาก เราขอยืนเหมือนเดิมก่อนจนกว่าเราจะได้เข้าไปทำงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เราจะระวังกับผลกระทบทั้งหมด"
ก่อนหน้านี้ ในการปราศรัยหาเสียงใหญ่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 ก.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศท่ามกลางสายฝนว่า หากได้เป็นรัฐบาลสิ่งแรกที่จะทำคือ กระชากค่าครองชีพคืนมา ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันลดลง เบนซิน 95 ลดลง 7.5 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 ลดลง 6.7 บาทต่อลิตร, น้ำมันดีเซลลดลง 2.2 บาทต่อลิตร และในการประชุมทีมเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 6 ก.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้ย้ำอีกว่าจะทำเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนหลังแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเผยว่า กระทรวงพลังงานได้จัดทำข้อมูลสถานะกองทุนน้ำมัน พร้อมทั้งอธิบายถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตรานำส่งเงินจากน้ำมันเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล เพื่อให้รัฐบาลใหม่แล้ว ซึ่งหากลดการเก็บเงินกองทุนน้ำมัน จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทั้ง 3 ชนิดปรับลดลงทันที แต่จะทำให้การจูงใจใช้แก๊สโซฮอล์มีปัญหาทันที เพราะส่วนต่างไม่จูงใจ โดยส่วนต่างจากเบนซิน 95 จะเหลือ 3.80 บาท/ลิตร จากเดิม 11.30 บาท/ลิตร ในขณะที่เบนซิน 91 จะมีส่วนต่างเพียง 90 สต./ลิตร และหากต้องการยกเลิกการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันจริง ก็ควรปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมด โดยยกเลิกการตรึงราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีด้วย
ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวตำหนินโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลใหม่ ว่า ควรให้นโยบายตกผลึกแล้วแถลงต่อรัฐสภาจึงค่อยให้สัมภาษณ์สื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาออกข่าวรายวันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก่อให้เกิดความสับสนต่อประชาชน รวมทั้งผู้ค้าน้ำมันไม่กล้าวางแผนใด ๆ
"นโยบายเปลี่ยนทุกวัน บริษัทน้ำมันหลายแห่งต้องชะงักแผนการขยายปั๊มอี 20 อี 85 เพราะเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนนโยบาย เพราะบอกจะยกเลิกกองทุน มาวันนี้ก็บอกจะไม่ยกเลิกแต่จะลดเก็บเงิน" นายมนูญกล่าว
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า ได้บอกแล้วว่านโยบายเศรษฐกิจหลายอย่างของเขาจะมีผลกระทบ จึงควรศึกษาผลกระทบและเตรียมมาตรการรองรับให้ดี แต่อะไรที่หาเสียงไว้ก็ต้องทำ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนที่จะเปลี่ยนนโยบายจากที่ยกเลิกกองทุนมาเป็นยกเว้นการจัดเก็บเงินชั่วคราวแทน เรื่องนี้ต้องดูสถานะการเงินของกองทุน
"ผมเองก็ไม่ชัดเจนว่าถ้ามีการยกเลิกไปแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาอุดหนุนแก๊สหุงต้ม ซึ่งในใจผมหากอยากให้นำเงินมาอุดหนุนค่าแก๊สหุงต้มแทนจะไปช่วยคนใช้น้ำมันเบนซิน แต่มันเป็นทางเลือกที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
