เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ภาครัฐ-เอกชนจับมือสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สูง 32 เมตร ณ วัดทิพย์สุคนธาราม จ.กาญจนบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
วานนี้ (27 กรกฎาคม) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างพระพุทธเมตตาประชาธิปไตยโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้แถลงข่าว ณ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถึงโครงการจัดสร้างพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมถ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี พ.ศ.2555
นายพลากร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อจัดสร้างพระพุทธรูปปางคันธารราฐ หรือปางขอฝน ที่มีพุทธลักษณะพระอิริยาบถยืนตรง ทรงผ้าวัสสิกสาฎก พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ หรืออก พระหัตถ์ซ้ายหงายรองรับน้ำฝน โดยจะจัดสร้างเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สูง 32 เมตร เพื่อเป็นศูนย์รวมความเคารพสักการบูชาของพุทธศาสนิกชน และประดิษฐานที่วัดทิพย์สุคนธาราม ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี บนพื้นที่กว่า 300 ไร่
ทั้งนี้ นายพลากร ได้กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสรมหาเถร ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามที่มรณภาพไปแล้ว ซึ่งก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านได้ปั้นขึ้นรูปด้วยตัวเอง และตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์" หมายถึง การเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นที่พึ่งของ 3 โลก และเป็นที่รำลึกถึงพระพุทธรูปแห่งบาบิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน เนื่องจากท่านมีปณิธานจะจัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาแทนพระพุทธรูปแห่งบามิยันที่ถูกทำลายลงไป เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และใช้เวลานานหลายปีในการบอกบุญจนรวบรวมปัจจัยมาจัดสร้างได้แล้วประมาณ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี และจะมีพิธีบวงสรวง ณ วัดทิพย์สุคนธาราม ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ เวลา 11.59 น. ก่อนจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2555 ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์เททองชิ้นส่วนสำคัญขององค์พระพุทธรูปครั้งนี้ และคาดว่าพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ รวมทั้งงานสมโภช จะดำเนินการให้เสร็จทันภายในเดือนธันวาคม พ.ศ.2557 อันเป็นเดือนมหามงคล
ด้าน พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ปั้นต้นแบบพระพุทธรูปขึ้นมา ตามพุทธลักษณะเดิมที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ปั้นไว้แล้ว แต่มีปรับส่วนท่ายืนให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีความสูงถึง 32 เมตร ใกล้เคียงกับเทพีเสรีภาพในสหรัฐอเมริกาที่มีความสูง 34 เมตร ดังนั้น ส่วนฐานใช้ฝ่าพระบาทต้องรองรับน้ำหนักมาก จึงต้องทำให้แข็งแรงมาก ต่างจากการสร้างเทพีเสรีภาพที่มีจะมีชุดคลุมมาถึงฐานเพื่อรองรับน้ำหนัก นอกจากนี้ จะใช้วัสดุทองเหลืองหล่อรมควันเป็นแผ่น แล้วนำมาเชื่อมต่อบนโครงเหล็ก ส่วนฐานก็จะมีการยกพื้นสร้างประทักษิณเพื่อใช้ในพิธีทางศาสนา
พล.อ.ต.อาวุธ ยังกล่าวต่อด้วยว่า ในส่วนรูปแบบของอาคารต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบ จะเน้นสถาปัตยกรรมไทย กลมกลืนกับธรรมชาติ โดยเบื้องต้นออกแบบไว้ 3 ส่วน คือ คือ ส่วนแรกเป็นจุดที่ตั้งองค์พระพุทธรูป ฐานประทักษิณ หอประวัติองค์พระ และหอประวัติสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ส่วนที่ 2 ใช้เป็นสาธารณประโยชน์ ทั้งที่จอดรถ ร้านค้า ห้องน้ำ และส่วนสุดท้ายจัดทำเป็นสวนป่าพุทธอุทยาน เพื่อใช้ปฏิบัติธรรม มีอาคารประมาณ 16 หลัง และห้องน้ำ พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมสร้างบ่อกักเก็บน้ำไว้ 3 จุด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริเวณที่มีความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำนี้ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
