ปชป.เดินหน้าตรวจสอบ อสส.ไม่ฎีกาหุ้นชิน (ไอเอ็นเอ็น)
ปชป. เดินหน้าตรวจสอบ อสส. ไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ ขอเอกสาร 4 ชิ้น ยัน ถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" เอื้อประโยชน์คนรวย บ้านหลังแรก
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเงา เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ เอ็น เอ็น ในรายการเปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง FM 102.75 MHz เกี่ยวกับการยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เกี่ยวกับการไม่ยื่นฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชิน คอร์ปฯ ว่า การยื่นหนังสือในวันนี้ เป็นการแสดงความจำนงในการตรวจสอบ โดยจะขอหลักฐาน 4 ชิ้น มาประกอบในการยื่นถอดถอนอัยการสูงสุดต่อไป ประกอบด้วย ภาพถ่ายสำเนาความเห็นสั่งฟ้องของศาลชั้นต้น, สำเนาภาพถ่ายที่เห็นว่าไม่ต้องฎีกา, สำเนาการเขียนรายงานของอัยการที่ได้ฟังการพิจารณาของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์หลังจากฟังการพิจารณาของศาล และความเห็นเกี่ยวกับคำตัดสินของศาล และภาพถ่ายสำเนาความเห็นของ ป.ป.ช. ที่ส่งมายังอัยการ ในการยื่นฟ้องทุกข้อหา ซึ่งอัยการเห็นต่าง โดยได้นัดเลขาธิอการอัยการสูงสุดแล้ว
พร้อมกันนี้ ได้ชี้แจงสาเหตุการดำเนินการดังกล่าวว่า เพราะรักและหวงแหนอาชีพอันทรงเกียรติของอัยการ ซึ่งตนเองทำหน้าที่อัยการมา 19 ปี รวมถึง ได้พูดคุยกับอัยการหลายคน ก็ไม่เห็นด้วยในเรื่องดังกล่าว จึงอยากทำให้อัยการสูงสุด ออกมาเปิดข้อมูลความจริง และทำให้อัยการทั่วประเทศเข้าใจถึงคงวามคิดและการตัดสินใจของอัยการสูงสุด เพื่อให้ทำงานร่วมกันต่อไป ตามสายบังคับบัญชาอย่างไม่มีความขัดแย้งกันต่อไป
ส่วนเรื่องการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี จากโครงการบ้านหลังแรก นายถาวร ระบุว่า ขั้นตอนยกร่างน่าจะเสร็จแล้ว เหลือเพียงการรวบรวมรายชื่อ ส.ส. ซึ่งคาดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะนโยบายดังกล่าวเป็นการเอื้อต่อคนรวย หวังที่จะล้างสต๊อกบ้านจัดสรรของคนบางกลุ่ม เพราะราคาบ้านระดับ 3 - 5 ล้าน คนจนระดับรากหญ้าซื้อไม่ได้ ส่วนเรื่องจะปรับรายละเอียดให้มีบ้านราคาถูกระดับ 1 - 2 ล้านด้วยนั้น ก็ต้องตรวจสอบต่อไป ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่คู่ปรับคู่กรณีกับตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ แต่คู่ต่อสู้คือความยากจนของพี่น้องประชาชนเท่านั้น ดังนั้นหากมีการปรับแก้รายละเอียด แล้วคนจนและคนทั่วไปได้ประโยชน์ ก็จะสนับสนุนด้วยเช่นกัน
นายถาวร ยังเปิดเผยกับ เกี่ยวกับกรณีที่มีนักวิชาการที่เรียกตนเองว่า "คณะนิติราษฎร์" ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองและกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์และตนเอง ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับบุคคล หรือตัวบุคคลในคณะนิติราษฎร์ บางคนเป็นรุ่นน้องของตน แต่ที่ขัดแย้ง คือ เรื่องแนวคิดของกลุ่มดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่เสนอมานั้น ไม่ถูกต้อง เพราะหากจะกล่าวหา หรือระบุว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติไม่ถูกต้องทั้งหมดนั้น ไม่ได้ พร้อมยกตัวอย่างว่า หากต้นไม้เป็นพิษ ออกผลมา จะต้องเป็นพิษทั้งหมดคงไม่ใช่ ต้องมีดีบ้าง และเก็บที่ดีไว้
พร้อมกับพูดถึงกรณีที่จะมีการแก้มาตรา 112 ว่า ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก เหมือนกับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า แล้วสถาบันมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมจึงจะต้องแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าว รวมถึงแนะนำให้คณะนิติราษฎร์ รับฟังความเห็นของผู้อื่น เหมือนกับกรณีที่ อ.ธีรยุทธ บุญมี เคยออกมาแสดงความคิดเห็น และนั่งรับฟังความคิดเห็นที่ผู้อื่นสะท้อนมานั่นเอง
ล่าสุดนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ได้มายื่นขอคัดสำเนาความเห็น กรณีอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งไม่ฎีกาคดีที่ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำเลย 1 คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จำเลยที่ 2 และ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน จำเลยที่ 3 ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษีกิจการขายหุ้น โดยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เนื่องจากมีการหลบเลี่ยงภาษีจำนวนมาก มูลค่ากว่า 273 ล้านบาท และมีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติของผู้นำประเทศ
ด้าน นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ยืนยันว่า อัยการมีความเป็นกลาง อิสระ การเมืองแทรกแซงไม่ได้ ทั้งนี้ จะชี้แจงเหตุผลต่อวุฒิสภา ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ก่อนเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบ ย้ำ ทุกอย่างปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม
