เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
ตำรวจไม่สั่งฟ้องเสื้อแดงเพชรบุรีโพสต์รูป-ส่งอีเมลให้คนเสื้อแดงจำหน้า สมจิตร นักข่าวช่อง 7 บอกแค่ลอกข้อความมา ไม่มีเจตนาขู่ ด้านเจ้าตัวไม่เห็นด้วย เตรียมร้องสภาทนายความขอความช่วยเหลือ
จากกรณีที่นางสาวสมจิตร นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 สี ถูกนางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช. เพชรบุรี โพสต์รูปภาพใบหน้าและส่งอีเมลไปยังเครือข่ายคนเสื้อแดง โดยระบุข้อความเชิงข่มขู่ว่า "เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯ ปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ" เป็นเหตุให้นางสาวสมจิตร แจ้งความให้ดำเนินคดีกับนางสาวพรทิพย์นั้น
ความคืบหน้าของคดีนี้ ล่าสุด นางสาวสมจิตร กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่า พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รองผู้กำกับการสืบสวนฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้มีความเห็น "สั่งไม่ฟ้อง" นางสาวพรทิพย์ โดยลงคำสั่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม แต่ตนเพิ่งได้รับทราบเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เนื่องจากเพิ่งจะสามารถกลับเข้าไปในบ้านที่น้ำท่วมได้
ทั้งนี้ นางสาวสมจิตร ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนางสาวพรทิพย์ว่า เนื่องจากนางสาวพรทิพย์ไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความและโพสต์รูปภาพดังกล่าว แต่คัดลอกมาจากเว็บไซต์ที่มีผู้โพสต์ข้อความอยู่ก่อนหน้า และไม่ได้มีเจตนาส่งข้อความดังกล่าวถึงตน ซึ่งเท่ากับเป็นการข่มขู่ ทำแต่เพียงคัดลอกและส่งข้อความไปยังกลุ่มเพื่อนเพื่อสื่อสารถึงกันเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ในวันที่ 21 พฤศจิกายน นางสาวสมจิตร กล่าวว่า เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพนักงานสอบสวนว่า ได้สอบถามไปยังราชบัณฑิตยสถานว่า "จัดให้หน่อย" มีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งไม่พบว่ามีความหมายเข้าข่ายข่มขู่ตกใจกลัว อีกทั้งทางไอซีทีก็ไม่สามารถหาต้นตอของอีเมล์ผู้โพสต์ได้ จึงเห็นว่า นางสาวพรทิพย์ไม่มีความผิด
นางสาวสมจิตร กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับการชี้แจงเช่นนี้ ตนจึงได้ปรึกษากับนายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ และนายเกรียงศักดิ์ ได้แนะนำให้ไปยื่นเรื่องขอให้สภาทนายความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิตามกฏหมายที่ระบุให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีอาญาเองได้ แม้ว่าพนักงานสอบสวนและอัยการจะไม่สั่งฟ้อง ดังนั้น ในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปยื่นเรื่องกับสภาทนายความต่อไป เนื่องจากเห็นว่า สิ่งที่นางสาวพรทิพย์ทำได้ทำให้มีคนเสื้อไปคุกคามตนถึงต้นสังกัด และกดดันให้ปลดตนออกจากการเป็นผู้สื่อข่าว แต่พนักงานสอบสวนกลับอ้างว่าเป็นคนละเรื่องกัน ทั้งที่ควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงประกอบกับพฤติกรรมแวดล้อมที่เกิดขึ้นด้วยทั้งหมด เพื่อผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ นางสาวสมจิตร ยังกล่าวด้วยว่า ต้องการให้คดีนี้เป็นคดีนี้ตัวอย่างของการรักษาสิทธิตามกฎหมาย แม้จะเป็นคดีเล็ก ๆ แต่ไม่ควรที่จะมีใครมีสิทธิทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
