x close

สุเทพ ยันสั่งสลายม็อบแดงปี 53 ชอบด้วยกฎหมาย


สุเทพ เทือกสุบรรณ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           สุเทพ ลั่นสั่งเจ้าหน้าที่สลายม็อบเสื้อแดง ปี 2553 เห็นชอบด้วยกฎหมาย ชี้ฝ่ายตรงข้ามพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ขณะที่ บช.น. เตรียมเรียกสอบคดี 13 ศพ รอบสอง

            วันนี้ (14 ธันวาคม) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ในกรณีของเหตุการณ์วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ว่า ตนได้เรียบเรียงเรื่องราวเหตุการณ์ในช่วงนั้น ทั้งภาพและข้อเท็จจริง รวมเป็นเล่ม เพราะเนื้อหาค่อนข้างเยอะ และยาวมาก ซึ่งตนได้อธิบายว่า ในการปฏิบัติการทำงานในแต่ละวัน จนถึงวันเกิดเหตุ และวันยุติเหตุการณ์ทั้งหมดจนกลับคืนสู่ปกติ ว่าตนได้สั่งการอย่างไร และปฏิบัติการอย่างไรบ้าง

            นายสุเทพ กล่าวว่า ในการสั่งการช่วงที่เกิดเหตุเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 นั้น ตนได้สั่งการในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)  โดยได้สั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะทีมงานมีเป็นหมื่นคน จะให้สั่งการปากเปล่าก็คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ กว่าที่ตนจะสั่งการได้นั้น ก็ต้องประชุมหารืออย่างรอบคอบว่าจะทำอะไร และปฏิบัติการเช่นใด เพราะฉะนั้นคำสั่งที่ตนสั่งการเห็นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ กฎหมายตัวแรกก็คือ กฎหมายที่ว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งกฎหมายได้ให้อำนาจไว้เช่นนี้ และตนก็ปฏิบัติในกรอบของกฎหมายมาโดยตลอด

            อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเอาผิด นายอภิสิทธิ์ และตนได้ เพราะการออกคำสั่งดังกล่าว มีกฎหมายรองรับ เรื่องนี้ตนไม่อยากให้เป็นประเด็นข้อโต้เถียงกันยืดยาว เพียงแค่วันนี้มีผู้เสียชีวิตบางราย ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีข้อสงสัยว่า ผู้เสียชีวิตนั้น เสียชีวิตเพราะการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับคำสั่งจากตนไปนั้น ตามกฎหมายเขาก็ต้องไต่สวนดำเนินคดี และสอบพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่า ข้อสงสัยดังกล่าวเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ถ้าเจ้าพนักงานมีความเห็นว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ก็มีสิทธิในขอให้ศาลไต่สวนว่า เป็นการสั่งการของเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่

            ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว ได้ถามต่อว่า นายสุเทพ มีความกังวลเกี่ยวกับคดีดังกล่าวหรือไม่ เพราะเวลานี้อำนาจเปลี่ยนมือไปแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็มีกังวลบ้างเป็นธรรมดา เพราะว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์ ส่วนหลายคนที่วันนี้เข้ามามีอำนาจ เป็นผู้ที่มีส่วนในการก่อเหตุทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้เขาก็ทำตามอำนาจแดงที่เขามีอยู่ในมือ แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่หวั่นไหว เพราะประเทศนี้เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ดี
     
            ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในเรื่องของสำนวนการสอบสวนนั้น นายสุเทพ มีความมั่นใจในพนักงานสอบสวนมากเพียงใด เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า การเข้าให้ปากคำในวันนี้ ได้นำเสนอภาพและวิดีโอที่สื่อมวลชนได้บันทึกเอาไว้ และเชื่อว่าภาพดังกล่าวคนไทยต้องเคยเห็นมาก่อนแล้ว ซึ่งภาพเหล่านั้นจะเป็นหลักฐานได้ดี และตนก็ไม่กลัวว่า พนักงานสอบสวนจะนำคำให้การของตนใน 2 วันนี้ เข้ามาแจ้งข้อหากับตนภายหลัง เพราะได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว
       
            นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่มีการตัดสินจำคุก 38 ปี กับนายตำรวจที่ยิงกระทรวงกลาโหม ว่าสามารถนำเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการสอบสวนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีข่าวว่าจะมีคนนำเอาจรวดอาร์พีจียิงกระทรวงกลาโหม ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุหาว่าตนสร้างเรื่องมาโดยตลอด แต่เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วปรากฎว่า คนร้ายไม่ได้รับคำสั่งให้ยิงกระทรวงกลาโหม แต่ได้รับคำสั่งให้ยิงวัดพระแก้ว เพื่อทำลายสัญลักษณ์และศูนย์รวมของประเทศ แต่สุดท้ายศาลก็ได้สั่้งลงโทษ ถึงกระนั้นตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาหลักกฐานความเชื่อมโยงระหว่างผู้ทำผิด ผู้ว่าจ้าง และกระบวนดังกล่าวได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการว่าจ้างนั้นจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงแน่นอน แต่ว่าทางพนักงานสอบสวนยังคงไม่ได้ลงมือซักฟอกให้ถึงที่สุด และอาจจะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงไปยังผู้ว่าจ้างก็เป็นได้

             ขณะที่ พล.ต.ต.อนุชัย  เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ( รอง ผบช.น.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2553 ที่ผ่านมา เผยว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้นัดหมายให้ นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ มาให้ปากคำอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ (14 ธันวาคม) เวลา 14.00 น. ซึ่งทาง นายสุเทพ ไม่ได้แจ้งขอเลื่อนนัดหมายแต่อย่างใด และยินดีที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง พร้อมจะนำหลักฐานเอกสารประกอบข้อเท็จจริง ในการออกคำสั่งสลายชุมนุมมาชี้แจงด้วย
 
             สำหรับคำให้การของ นายสุเทพ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น นายสุเทพ ให้การว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ขอคืนพื้นที่จราจร โดยคำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นไปตามกรอบของกฎหมายอย่างถูกต้อง แต่มีคนอ้างว่า การปฏิบัติการดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะคำสั่งที่ นายสุเทพ สั่งนั้น ทำงานอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และ พรก.ฉุกเฉิน ปีพ.ศ.2548  ซึ่งไม่มีเหตุรุนแรงจากเจ้าหน้าที่

            ส่วนสำนวนการสอบสวนคดีการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ตนได้มอบให้กับตำรวจนครบาลทำการสอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดอีกครั้งประกอบด้วย ซึ่งผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวประกอบด้วย...


            1. นายมานะ อาจราญ
            2. พลทหารวรรณสุทธ์ สาระ
            3. นายชาติชาย ชาเหลา
            4. นายฮิโรยูกิ มูราโมโต้
            5. นายรภ สุขสถิตย์
            6. นายมงคล เข็มทอง
            7. นายสุวัณ รักษา
            8.นายเกรียติคุณ ฉัตรวิริยะกุล
            9.นายประจวบ ประจวบสุข
            10.นายบุญมี เริ่มสุข
            11.ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ
            12.นายพัน คำทอง
            13.นายชาญณรงค์ พลศรีรา

            ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทั้ง 13 ศพดังกล่าว ได้เสียชีวิตในท้องที่ สน.ปทุมวัน, สน.วัดพระยาไกร, สน.พญาไท สน.ดุสิต และ สน.พลับพลาไชย 1  โดยเห็นว่า  ทางดีเอสไอไม่มีสิทธิ์ และอำนาจตามกฎหมาย ในการตรวจสอบ  เพราะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนแต่ละท้องที่ที่เกิดเหตุเสียชีวิต เป็นฝ่ายชันสูตรพร้อมกับทำสวนเอง  โดยให้กรอบระยะเวลาในการทำสำนวนใหม่ 67 วัน  และทำสำนวนทางคดีอาญาภายใน 90 วัน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุเทพ ยันสั่งสลายม็อบแดงปี 53 ชอบด้วยกฎหมาย อัปเดตล่าสุด 14 ธันวาคม 2554 เวลา 14:54:23 5,012 อ่าน
TOP