ยื้อเกม! ต่อรองขนส่ง-แท็กซี่ ปรับราคา กรณีขึ้นเอ็นจีวี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ถกเอ็นจีวี ยังไม่สรุปกรณี รถร่วม แท็กซี่ รถขนส่ง ขอขึ้นราคา สนพ.ต่อรองคุยอีกขณะทยอยขึ้นเอ็นจีวี 4 เดือน 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ขณะที่ กบง.ขอปรับขึ้นบ้าง เริ่ม 16 กุมภาพันธ์นี้

          วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการรถยนต์ 3 กลุ่ม คือ แท็กซี่ รถร่วมบริการสาธารณะ และรถขนส่ง ว่า ได้หารือเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการปรับราคาก๊าซธรรมชาติ สำหรับยานยนต์ เอ็นจีวี (NGV) และคำนวณราคาต้นทุนที่แท้จริง โดยได้ข้อสรุปดังนี้ ...

          1. การทยอยปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน 2555) อัตรา 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ขอให้รัฐบาลออกมาตรฐานดูแลระยะสั้น เช่น เกณฑ์การดูแลแท็กซี่ ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ในอัตราที่จะปรับขึ้นรวม 6 บาทต่อกิโลกรัม ถึงเดือนธันวาคม แท็กซี่จะรับภาระเพียง 2 บาทต่อกิโลกรัม

          2. ในระหว่างที่ทยอยปรับขึ้นราคาช่วง 4 เดือน ภาครัฐ นักวิชาการ ปตท. และผู้ประกอบการ จะต้องได้ข้อยุติเรื่องการคำนวณราคาต้นทุนที่ทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อกำหนดโครงสร้างราคาในระยะยาวต่อไปที่เกี่ยวเนื่องกับการปรับราคาที่เหลือของปีนี้ และการปรับราคาของปีหน้า

          ทั้งนี้ ทางที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องการขึ้นเอ็นจีวีระยะสั้นแล้ว จากนี้ไปคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะพิจารณาเพื่อปรับราคาพลังงานทุกชนิด ยกเว้นดีเซล วันที่ 16 กุมภาพันธ์ โดยเอ็นจีวีจะปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม, ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี ปรับ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม, เบนซินจะปรับขึ้น 1 บาทต่อลิตร

          ขณะที่ นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หลังจากที่ศึกษาราคาเอ็นจีวี และทบทวนผลการศึกษาของสถาบันปิโตรเลียมนั้นพบว่า เนื้อก๊าซและค่าขนส่งไม่มีความผิดปกติ แต่การจำหน่ายคาดว่า จะปรับลงได้อีกประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตร แต่จะให้ลดลงเหลือ 2 บาทต่อลิตร คงเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจุบันต้นทุนต่าง ๆ สูงขึ้น และราคาก๊าซหน้าปากหลุมทะลุระดับ 8.50 บาท ตั้งแต่ปี 2550 แล้ว

          ทางด้าน นายชุมพล สายเชื้อ เลขาธิการสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทยอยปรับขึ้นราคาในช่วง 4 เดือน ผู้ประกอบการขนส่งไม่ได้ขัดข้อง แต่รัฐบาลจะต้องออกมาตรการช่วยเหลือระยะสั้น และคำนวณต้นทุนให้ชัดเจนกับทุกฝ่าย ไม่เช่นนั้นจะต้องขอปรับราคาตามต้นทุนทีเพิ่มขึ้นแน่นอน

          ส่วนทางด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้าหากมีการเรียกเก็บภาษีสรรพมิตรน้ำมันดีเซลคืน  5.30 บาทต่อลิตร จนทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันพุ่งสูงถึง 35 บาทต่อลิตรนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าขนส่งประมาณ 4-5 สตางค์ต่อกิโลเมตร สำหรับการขึ้นดีเซลทุก 1 บาท



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก