x close

ญาติคนร้ายชิงทรัพย์เหยื่อตาบอด ขอโทษ-คืนเงินหมื่น


ญาติคนร้ายชิงทรัพย์เหยื่อตาบอด ขอโทษ-คืนเงินหมื่น

ญาติคนร้ายชิงทรัพย์เหยื่อตาบอด ขอโทษ-คืนเงินหมื่น


           ญาติคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์คนตาบอดและทิ้งในป่าข้างทาง ขอโทษเหยื่อ พร้อมมอบเงินคืน 10,000 บาท

           จากกรณีที่ นายประสิทธิ์ คงสกุล ชายพิการตาบอด อายุ 31 ปี ถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์จำนวน 5,000 บาท ระหว่างต่อรถไปยังปากเกร็ด จ.นนนทบุรี เพื่อที่จะไปสอบการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา พร้อมกับถูกคนร้ายนำนายประสิทธิ์ไปทิ้งไว้ในป่าต้นหญ้าข้างทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายธรรมรงค์ ล้อมกัน (ต้น) อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุได้แล้ว นั้น

           ล่าสุด วานนี้ (21 มีนาคม) นายธนะชัย ล้อมกัน อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นญาติของผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ ได้มาขอโทษนายประสิทธิ์ เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับมอบเงินคืนให้จำนวน 10,000 บาทด้วย แม้ว่านายประสิทธิ์จะยืนยันไม่ยอมรับเงินคืน เนื่องจากถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจบไปแล้ว แต่นายธนะชัยรบเร้าให้นายประสิทธิ์รับเงินไว้ในที่สุด และขอร้องว่าอย่าประกันตัวผู้ที่ก่อเหตุ เพราะต้องให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนกับผู้ที่เอาเปรียบคนพิการ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[14 มีนาคม]  เปิดใจเหยื่อตาบอด ถูกโจรชิงทรัพย์ทิ้งป่าข้างทาง






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น

             จากกรณีที่ นายประสิทธิ์ คงสกุล ชายพิการตาบอดอายุ 31 ปี กำลังเดินทางโดยรถไฟจากสระบุรีไปยังเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อต่อรถไปปากเกร็ด โดยต้องการจะไปสอบการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ในวันรุ่งขึ้น แต่ถูกคนร้ายทำทีเป็นพลเมืองดีเข้าไปตีสนิท และคอยอำนวยความสะดวกให้ ชิงทรัพย์ไป 5,000 บาท และนำนายประสิทธิ์ ไปทิ้งไว้ป่าต้นหญ้าข้างทาง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา

             ล่าสุดวานนี้ (13 มีนาคม) เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว ที่ จ.สระบุรี คือ นายธรรมรงค์ ล้อมกัน หรือต้น อายุ 36 ปี และในวันเดียวกันนี้ทางรายการ เจาะข่าวเด่น ได้นำเหยื่อตาบอดมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังกัน ...

             โดยนายประสิทธิ์ เล่าว่า ตนกำลังจะเดินทางไปยังโรงเรียน กศน. เพื่อทำการสอบใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ขามาพี่ชายของตนมาส่งที่ชานชาลารถไฟ จ.สระบุรี แล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปทำธุระต่อ ตอนนั้นคนร้ายก็เข้ามาพูดคุย ถามตนว่าจะไปไหน ตนก็บอกว่าจะไปลงหลักสี่ แล้วจะต่อรถไปปากเกร็ด พอพูดคุยกันได้สักพัก ตนก็จะเดินไปเอาตั๋วรถไฟ แต่คนร้ายบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินไปเอาให้ พอเขาเอามาเสร็จก็ขึ้นรถไฟนั่งข้างกันเข้ากรุงเทพฯ

             นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในระหว่างทางนั้น เขาก็บอกตนว่า จะไปปากเกร็ดถ้าตนลงรังสิตแล้วนั่งแท็กซี่มันจะใกล้กว่า ตนก็เชื่อ เพราะตนมองไม่เห็น และไม่รู้ทาง จึงลงที่สถานีรังสิตกับเขา และคนร้ายยังบอกตนอีกว่า เดี๋ยวจะพาตนขึ้นแท็กซี่ให้ ตนก็เชื่อใจ เพราะคิดว่าเขาเป็นพลเมืองดีจริง ๆ แต่แล้วเมื่อลงรถไฟมา เขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน และบอกกับตนว่า "เงินมึงอ่ะเอามา ถ้าไม่เอาเงินมามึงตายแน่" ตนได้ยินดังนั้น ก็ตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ควักเงินที่มีทั้งหมดเป็นจำนวน 5,000 บาท ให้คนร้ายไป

             เหยื่อตาบอดผู้โชคร้าย ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่คนร้ายเอาเงินตนไปเสร็จ ก็บังคับให้ตนเดินไปที่ป่าต้นหญ้า ซึ่งตนคิดว่าคงไม่ไกลจากชานชาลารถไฟเท่าไร เพราะตนยังได้ยินเสียงประกาศขึ้นรถอยู่ พอหลังจากที่คนร้ายเอาเงินไปนั้น ตนก็โทรศัพท์เรียก 191 บอกว่า ตนถูกคนร้ายชิงทรัพย์ และได้โทรบอกแม่ว่า เงิน 5,000 บาท ที่จะใช้เดินทางกลับ จ.สุรินทร์ บ้านเกิด และเอาไปให้แม่ช่วงสงกรานต์ โดนโจรขโมยไปแล้ว...

             นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า พอตนแจ้งความเสร็จ ระหว่างนั้นตนก็ร้องเรียกความช่วยเหลือ โดยตะโกนว่า "พี่ครับ ช่วยผมด้วยครับ ผมอยู่ตรงนี้ครับ" แต่ก็คิดว่าคงไม่มีใครได้ยินเสียงตน จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ตนก็ได้ยินเสียงคนเดิน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาช่วยตนออกจากโพรงหญ้าตรงนั้น

             นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้ เพราะปกติตนเป็นคนพิการส่วนมากจะมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือตนตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วยถือของ หรือข้ามถนน ส่วนเงินของตนนั้น ตนเก็บออมจากอาชีพรับจ้างนวดเพื่อนำไปให้แม่ 1,500 บาท ทุกเดือน และในเดือนหน้าตนกะจะเอาเงินใช้เดินทางเพื่อกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ในเทศกาลสงกรานต์ที่ จ.สุรินทร์

             อย่างไรก็ตาม นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนโดนขโมยไปแล้ว ตนก็ไม่คิดว่า ตำรวจจะจับคนร้ายได้ เนื่องจากตนมองไม่เห็นคนร้ายเลย






             ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รวบตัวคนร้าย กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุก็ติดต่อไปยังสถานีรถไฟ จ.สระบุรี และสถานีรถไฟรังสิต ซึ่งก็พบภาพของคนร้ายจากกล้องวงจรปิด กำลังจูงนายประสิทธิ์อยู่ ซึ่งภาพไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ละแวกสถานีรถไฟ จ.สระบุรี จึงสอบถามไปยังชาวบ้านและเล่าเรื่องราวให้ฟัง และในเช้าวานนี้ (13 มีนาคม) ก็มีเด็กคนหนึ่งเดินมาบอกกับตนว่า เจอคนร้ายที่ขโมยเงินคนตาบอดแล้ว ที่ร้านเหล้าข้างทาง

             เจ้าหน้าที่กล่าวอีกว่า พอตนเดินไปถึงก็บอกกับคนร้ายว่า นั่งกินเหล้าแต่เช้าเลย แถมใส่เสื้อใหม่ รองเท้า กระเป๋าก็ใหม่ ไปเอาเงินใครมาซื้อ ซึ่งคนร้ายพยายามให้การปฏิเสธตลอดเวลา แต่ตนก็ขอควบคุมตัวไปที่โรงพัก และคนร้ายก็ต้องจำนนด้วยหลักฐาน จากภาพวงจรปิด และเสื้อผ้าชุดวันก่อเหตุในกระเป๋าเดินทาง โดยคนร้าย รับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง แต่ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นไม่มีเงินจะกินข้าว จึงจำเป็นต้องขโมย

             ส่วนนายประสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนคงระวังตัวมากขึ้น ส่วนคนร้ายนั้น ตนก็ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าอะไร ก็ได้แต่กรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ญาติคนร้ายชิงทรัพย์เหยื่อตาบอด ขอโทษ-คืนเงินหมื่น อัปเดตล่าสุด 22 มีนาคม 2555 เวลา 09:25:10 47,304 อ่าน
TOP