เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
งานวิจัยระบุ คนในครอบครัว มักตกเป็นเหยื่อการข่มขืนมากที่สุด อายุของผู้ถูกล่วงละเมิด ต่ำสุด 5 เดือน สูงสุด 89 ปี
เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดสัมมนาในหัวข้อ สถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศ ปี 2554 ซึ่งพบว่า จากการเก็บตัวอย่างข่าวถูกละเมิดทางเพศ 158 ข่าว มีข่าวข่มขืนมากที่สุด 112 ข่าว คิดเป็น 70.9 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ ข่าวรุมโทรม 17 ข่าว คิดเป็น 10.8 เปอร์เซ็นต์ และข่าวพยายามข่มขืนอีก 14 ข่าว คิดเป็น 8.8 เปอร์เซ็นต์
ส่วนสถิติข่าวการละเมิดทางเพศในครอบครัว มีถึงร้อยละ 11.4 ส่วนใหญ่กระทำโดยบุคคลในครอบครัว ทั้งพ่อ พ่อเลี้ยง ตา พี่ชาย อย่างกรณีที่เด็กอายุ 12 ปี ถูกพี่ชายแท้ ๆ 3 คนข่มขืนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ นอกจากนี้ 38.6 เปอร์เซ็นต์ของการล่วงละเมิดทางเพศ มาจากคนที่รู้จัก เช่น เพื่อนบ้าน เพื่อน ครู อาจารย์ พระภิกษุ รองลงมาคือ คนแปลกหน้า ร้อยละ 32.9 เปอร์เซ็นต์ เช่น กลุ่มวัยรุ่นชิงทรัพย์
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกกระทำมีอายุ 11-15 ปีมากที่สุด รองลงมาอายุ 16-20 ปี ส่วนอายุมากที่สุดคือ 89 ปี ซึ่งผู้ป่วยเป็นหญิงสูงอายุป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ แล้วถูกเด็กชายอายุ 14 ปีข่มขืน แต่ที่แย่ที่สุดคือ เด็กวัย 5 เดือนถูกพี่เลี้ยงตัวเองข่มขืน ส่วนอาชีพที่ถูกกระทำมากที่สุดคือ นักเรียนนักศึกษา 46.9 เปอร์เซ็นต์ พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาล 3.4 เปอร์เซ็นต์ และพนักงานบริษัท 2.8 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ กลุ่มที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ยังไม่จำกัดแค่กลุ่มชายหรือหญิงเท่านั้น แต่ในกลุ่มของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ก็ไม่เว้นเช่นกัน อาทิ ข่าวพ่อข่มขืนลูก เนื่องจากอ้างว่า ลูกไปคบทอม จึงต้องสั่งสอน หรือชายข่มขืนทอม เพื่อให้กลับใจ หรือกระทั่งข่าว เกย์ถูกข่มขืนขณะเรียน ร.ด. ทั้งยังกล่าวหาว่า กลุ่มเกย์ต้องการผู้ชายทุกคน จึงต้องลงมือ ทำให้เกิดข่าวฆาตกรรมและการล่วงละเมิดทางเพศในกลุ่มของรักร่วมเพศมากขึ้น ขณะที่สังคมกลับเพิกเฉย และปล่อยให้คนกลุ่มนี้เผชิญปัญหาตามลำพัง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สังคมมักเข้าใจผิดว่า การข่มขืนมักเกิดจากการนุ่งสั้น แต่งกายยั่วยวน แต่ที่จริงแล้ว เหตุข่มขืนมักเกิดขึ้นในบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ และไม่ได้เกิดเฉพาะที่เปลี่ยวเท่านั้น สังคมควรตระหนักว่า ผู้ถูกกระทำอายุน้อยลง การลงโทษผู้กระทำไม่ใช่การแก้ปัญหา และความรุนแรงยังไม่ลดลง ดังนั้น วิธีการแก้ไข คือการปรับทัศนคติ และการคุ้มครองผู้หญิงที่ถูกกระทำ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
