สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ประวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย โวย สันติ สั่งย้าย พนิตา พ้นปลัด พม. ชี้หน้า อัดไม่ให้เกียรติ เตรียมเรียกร้องความเป็นธรรมรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ด้าน สันติ เผยสั่งย้ายเพราะพบความผิดปกติเรื่องงบไปต่างประเทศ
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยทันที
โดยเมื่อวันที่ 15 มีนาคม นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องชายของนางพนิตา กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจึงได้นัดพูดคุยกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้เสนอให้ย้ายนางพนิตา โดยได้สอบถามนายสันติว่าทราบหรือไม่ว่านางพนิตาเป็นพี่สาวของตน การทำเช่นนี้เท่ากับไม่ไว้หน้าและไม่ให้เกียรติกันเลย ทั้งที่เป็นคนในพรรคเดียวกัน หากจะทำอะไรก็ควรจะปรึกษากันก่อน
"การทำอย่างนี้ไม่ให้เกียรติกัน ผมอยู่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย อยู่ก่อนคุณสันติด้วยซ้ำ ไม่เคยออกมาทำให้พรรคเดือดร้อน ที่ออกมาครั้งนี้เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่สาว ซึ่งผลกรณีนี้ยืนยันว่าผมจะไม่ออกจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน ตอนนี้ทราบมีคนในพรรคหลายคนไม่ชอบคุณสันติ และไม่สนับสนุนการกระทำด้วย แต่ตอนนี้คงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร คงรอให้กระบวนการสอบสวนเดินหน้าก่อน แต่หลังจากนี้คงมีอะไรตามมาแน่" นายประวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นายประวัฒน์ได้สนทนากับนายสันติได้มีการชี้หน้าต่อว่ากันด้วย ซึ่งนายประวัฒน์ก็ยอมรับว่า ได้ชี้หน้านายสันติจริง และก็เป็นเรื่องปกติ พร้อมกับระบุว่า ที่ผ่านมาพี่สาวของตนทำงานเป็นลูกหม้อกระทรวงนี้ผ่านรัฐมนตรีมาแล้ว 8 คน ไม่เคยมีปัญหากับใคร แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในพรรคเพื่อไทย แต่พี่สาวก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีปัญหากับรัฐมนตรีท่านนี้ และเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่สาวของตนก็คงต้องใช้สิทธิในทางกฎหมายเพื่อต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป เพราะเรื่องนี้ได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลของเรา
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ กล่าวถึงเหตุผลการโยกย้ายนางพนิตา ว่า เนื่องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบพบความผิดปกติในการใช้เงินเดินทางไปต่างประเทศ 32 ล้านบาท ในเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการใช้เงินผิดประเภท และมีคำสั่งให้คืนเงิน รวมถึงให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย
ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีความขัดแย้งเรื่องการสร้างตึกนั้น นายสันติ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเป็นความเข้าใจของนางพนิตาเอง ที่อยากจะทำ ถึงกับมีการเร่งรัดในการประมูล และเมื่อตนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น การประมูลได้เสร็จสิ้นพอดี ในช่วงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตั้งงบประมาณในการสร้างตึกไว้กว่า 800 ล้านบาท แต่ก็มีการส่งเรื่องกลับเข้ามาที่ ครม.อีกครั้ง เพื่อขยายกรอบวงเงินจาก 800 กว่าล้านบาท เป็น 900 กว่าล้านบาท ซึ่งงบที่ถูกเพิ่มขึ้นมานั้นไม่เท่าไหร่ แต่ก็มีการนำเข้า ครม. และให้ไปประมูล แต่ก็ยังมีการปรับปรุงงบประมาณอีกรอบไปเป็น 1,290 กว่าล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายสันติ ยังระบุด้วยว่า หากนางพนิตาจะยื่น ก.พ.ค.ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะเราไม่อคติ มีสิทธิทำได้ทุกอย่าง และหากมีการชี้มูลว่าไม่มีความผิดแล้วจะคืนเก้าอี้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูเป็นกรณีไป คงไม่สามารถพูดล่วงหน้าได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
