x close

ครม.เห็นชอบผ่านงบ 1.6 พันล้านบาท แก้ของแพง


สินค้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เผย คณะรัฐมนตรีผ่านงบโครงการโชห่วยช่วยชาติร้านถูกใจ และโครงการมหกรรมธงฟ้า เพื่อช่วยสนับสนุนการค้าขายของร้านโชห่วย และลดค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง ด้วยงบประมาณ 1.6 ล้านบาท

          วันนี้ (20 มีนาคม) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดภูเก็ต ถึงการแก้ปัญหาของแพง ว่า ขณะนี้ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ทำโครงการโชห่วยช่วยชาติร้านถูกใจ หรือ โครงการ 1 ร้านค้า 1 ชุมชน โดยใช้งบประมาณ  1,320 ล้านบาท และโครงการมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย วงเงิน 300 ล้านบาทแล้ว เพื่อเป็นการสนับสนุนร้านโชห่วยและร้านอาหารธงฟ้าจำนวน 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

          โดยการจัดตั้ง 1 ร้านค้า 1 ชุมชน กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายเปิดช่วงแรกให้ได้ 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เริ่มแห่งแรกได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ โดยทำเป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี พร้อมทั้งทำแผนในปี 56 เพิ่มร้านค้าให้ได้เกิน 7 หมื่นแห่ง หรือมีให้ครบทุกหมู่บ้านทุกอำเภอในไทย และ จะจำหน่ายสินค้าจำเป็น 20 รายการ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย เป็นต้น รวมถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงชนิดสินค้าตามความจำเป็น และการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าในแต่ละชนิด ตามสภาวะเศรษฐกิจในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ส่วนโครงการมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพไทยช่วยไทยโดยเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



ปลอบใจของแพง พณ.ขอ1.8พันล. ผุด1ร้าน1ชุมชน (ไทยโพสต์)

 
           "พาณิชย์" เตรียมชง ครม.สัญจร ของบ 1.8 พันล้าน แก้ปัญหาของแพง ผุดไอเดีย 1 ร้านค้า 1 ชุมชน ขายสินค้าราคาถูกปลอบใจชาวบ้าน ประเดิมช่วงแรก 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้าปี'56 ขยายครบทุกหมู่บ้าน "ปชป." ตั้ง "ศปพ." ปราบของแพง เปิดลิงค์เฟซบุ๊กแพงทั้งแผ่นดินให้ ปชช.แจ้ง

           เมื่อวันจันทร์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงว่า เตรียมเสนอของบประมาณ 1,800 ล้านบาท เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.ภูเก็ต วันที่ 20 มี.ค. นี้ เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาค่าครองชีพสินค้าแพงแบบครบวงจร โดยงบก้อนแรก 1,500 ล้านบาท ใช้ดำเนินโครงการ 1 ร้านค้า 1 ชุมชน เพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าข้าวของเครื่องใช้ราคาถูกแก่ประชาชน และส่วนที่เหลืออีก 300 ล้านบาท ใช้จัดมหกรรมงานธงฟ้าขายสินค้าราคาถูกครั้งใหญ่ไปทั่วประเทศ

           นายบุญทรง กล่าวว่า หากได้รับการอนุมัติจาก ครม.แผนแก้ปัญหาค่าครองชีพทั้ง 2 ส่วนจะดำเนินการได้ทันที โดยส่วนของ 1 ร้านค้า 1 ชุมชนจะเริ่มคัดเลือก ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการคัดเลือกบ้าง แต่ระหว่างนั้นจะมีการจัดงานธงฟ้าขายสินค้าราคาถูกควบคู่กันไป เพื่อให้ชาวบ้านในบางพื้นที่ที่ยังเปิดร้านไม่ได้มีโอกาสได้ซื้อหาสินค้าราคาถูกไปก่อน

           "การจัดตั้ง 1 ร้านค้า 1 ชุมชน กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายเปิดช่วงแรกให้ได้ 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เริ่มแห่งแรกได้ภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ โดยทำเป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี พร้อมทั้งทำแผนในปี 56 เพิ่มร้านค้าให้ได้เกิน 7 หมื่นแห่ง หรือมีให้ครบทุกหมู่บ้านทุกอำเภอในไทย" แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุ

           วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธาน ได้พิจารณากระทู้ถามด่วนของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี เรื่องการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง โดยนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า ขณะนี้ราคาพลังงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยรัฐบาลพยายามทำให้เหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง

           "รัฐบาลพยายามลดภาระของกองทุนน้ำมันและลดภาระให้กับประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนได้ตรึงราคาไว้จนถึงสิ้นปีแล้ว ส่วนการลดภาษีน้ำมันดีเซลมีการปรับลดไปแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งกระทรวงการคลังได้ศึกษาปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันตลาดโลกไม่เกินร้อยละ 40 ถือว่ายังสามารถรับมือและควบคุมราคาได้ รวมทั้งนายกฯ ได้กำชับและขอความร่วมมือจากภาครัฐทั้งหมดในการประหยัดพลังงานลง 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางเริ่มต้นในการประหยัดพลังงาน" รมว.พลังงานกล่าว

           ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประหยัดพลังงานเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ตรงกับโจทย์ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลไม่เข้าไปบริหารจัดการกองทุนน้ำมันว่าจะมีนโยบายอย่างไรต่อสินค้าหลัก เช่น เอ็นจีวี แอลพีจี และดีเซล แต่กลับเบี่ยงเบนประเด็นว่าการติดลบของกองทุนน้ำมันเกิดจากการอุ้มแอลพีจี ทั้ง ๆ ที่กองทุนน้ำมันติดลบเกิดจากการที่รัฐบาลมีนโยบายในช่วงแรกยกเลิกการจัดเก็บเงินจากน้ำมันเบนซินและดีเซลทันที จนทำให้กองทุนน้ำมันขาดรายได้และติดลบในที่สุด

           นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลตั้งหลักและกำหนดหลักคิดให้ชัดเจนในการแก้ปัญหา ไม่ใช่กำหนดแนวทางด้วยการผลักภาระให้ประชาชนเพียงอย่างเดียว รัฐบาลต้องกลับมาวางเป้าหมายว่าจะให้กองทุนน้ำมันทำอะไรบ้าง และจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันให้เกิดความสมดุล โดยเริ่มจากน้ำมันดีเซล  พลังงานทดแทน และก๊าซธรรมชาติ

          "การที่คนในรัฐบาลพยายามชี้แจงว่าราคาพลังงานไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้สินค้าราคาแพง ก็ต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าสินค้าแพงเพราะอะไร แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์แนะนำรัฐบาลเกี่ยวกับการทบทวนนโยบายพลังงานมาโดยตลอด  เพราะเห็นว่าหากไม่มีการทบทวนจะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นในอนาคต  เพราะราคาพลังงานมีความเชื่อมโยงกับต้นทุนสินค้า และสถานการณ์จะลุกลามจนเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ถ้ายังไม่มีการทบทวนนโยบายพลังงานที่ผิดพลาด" นายอภิสิทธิ์กล่าว

           เมื่อถามถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติให้ขึ้นราคาปุ๋ย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลขาดแนวทางที่ชัดเจนในการกำหนดประเภทสินค้าที่จำเป็นในการช่วยเหลือประชาชน และแปลกใจในขณะที่รัฐบาลนำเงินภาษีไปส่งเสริมเรื่องรถยนต์คันแรก แต่กลับไม่อุดหนุนเรื่องแก๊สหุงต้มในครัวเรือน เช่นเดียวกับการปล่อยให้ขึ้นราคาปุ๋ย รัฐบาลก็ควรจะได้พิจารณาว่าเป็นต้นทุนพื้นฐานที่กระทบต่อเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลควรจะเข้าไปช่วยดูแล

           นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า พรรคจะมีการจัดตั้งศูนย์ปราบของแพง  (ศปพ.) เพื่อดูแลประชาชนในเรื่องราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ที่แพงขึ้น เพราะเห็นว่านอกจากรัฐบาลจะไม่มีท่าทีเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว ยังปล่อยให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าของไม่แพง และยังให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันเอง ซึ่งรัฐบาลไม่มีความจริงใจและปราศจากแผนงานที่จะดูแลประชาชน โดยประชาชนสามารถโทรศัพท์เข้ามาแจ้งข้อมูลกับ ศปพ.ได้ที่เบอร์ 0-2357-1156

           โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ทีมพาณิชย์เงาของพรรคยังได้มีการจับตาการงุบงิบขึ้นราคาปุ๋ยเคมี ซึ่งปัญหาต่างๆ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจพยายามสะกดจิตประชาชนว่าราคาสินค้าไม่แพง และไม่มีความสามารถที่จะบริหารหรือทำกลไกให้ราคาสินค้าปรับตัวลดลงได้ในระยะอันใกล้

           "ศูนย์ ศปพ.จะทำงานร่วมกับทีมพาณิชย์เงาและทีมงานโฆษกของพรรค เพื่อติดตามราคาสินค้าทุกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการเปิดเฟซบุ๊กชื่อ แพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งเป็นช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ข้อมูลว่าพื้นที่จุดใดมีสินค้าราคาแพง หรือสินค้าขาดตลาด หรือบางพื้นที่ราคาสินค้าเกษตรกรตกต่ำ ก็สามารถแจ้งมายังเฟซบุ๊กนี้เพื่อส่งต่อมายังพรรคนำไปวิจัยและเสนอแนะต่อรัฐบาล โดยทีมพาณิชย์เงาจะเป็นฝ่ายวิเคราะห์และเสนอแนะสินค้าบางรายการต่อรัฐบาล" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครม.เห็นชอบผ่านงบ 1.6 พันล้านบาท แก้ของแพง อัปเดตล่าสุด 20 มีนาคม 2555 เวลา 17:50:15 7,472 อ่าน
TOP