เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
หนุ่มเยอรมัน วัย 42 ปี ออกตามหาภรรยาที่หายตัวไปกว่า 5 เดือน เพื่อให้กลับมาเซ็นรับรองว่า ตนเป็นบิดาของเด็กจริง เพื่อที่จะได้พาลูกกลับไปบ้านเกิดที่ประเทศเยอรมนี
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (10 ตุลาคม) มีรายงานข่าวว่า นายสเตฟาน วาร์กเนอร์ ชายชาวเยอรมัน วัย 42 ปี ได้อุ้มลูกชาย วัย 1 ขวบ เข้าร้องเรียนกับนักข่าวของครอบครัวข่าว 3 เพื่อขอความช่วยเหลือให้ติดตามภรรยาที่หายตัวไปกว่า 5 เดือน เพื่อให้ภรรยากลับมาเซ็นรับรองว่านายสเตฟานเป็นบิดาของลูกชายจริง เพื่อที่นายสเตฟานจะได้นำลูกชายกลับไปที่ประเทศเยอรมนีได้
ทั้งนี้ นายสเตฟาน เล่าว่า แต่เดิมตนเป็นกู้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี แต่ได้มาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน เนื่องจากคุณตาเข้ามารักษาตัวอยู่ในประเทศไทย จากนั้นเมื่อคุณตาเสียชีวิตลง โดยทิ้งมรดกเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ตนก็ยังไม่ได้กลับประเทศ เพราะรักประเทศไทย เนื่องจากอากาศดี น่าอยู่ และค่าครองชีพไม่แพงเหมือนที่เยอรมัน
จากนั้นตนก็ได้รู้จักกับหญิงไทยรายหนึ่งที่ชื่อ เกศริน อายุ 25 ปี และอยู่กินกันประมาณ 1 ปี มีลูกชาย 1 คน ระหว่างนั้นตนได้นำเงินมรดกของคุณตามาสร้างบ้านใหม่ที่บ้านของภรรยา และขณะที่ภรรยาตั้งครรภ์ ตนก็ได้นำเงินไปซื้อรถยนต์ เครื่องใช้ และจับจ่ายซื้อของ จนกระทั่งหลังภรรยาคลอดลูกชายได้ประมาณ 4-5 เดือน ภรรยากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยทิ้งลูกและทิ้งใบเกิดของลูกเอาไว้ ดังนั้นตนจึงเลี้ยงลูกชายอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยอาศัยอยู่กับแม่ยาย จนกระทั่งเริ่มหมดตัว
นายสเตฟาน กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ตนได้ถูกแม่ยายไล่ออกจากบ้าน จึงต้องหอบลูกชายออกมาตามหาภรรยา เมื่อมาถึงเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพราะคาดว่าภรรยาน่าจะอยู่ที่นี่ แต่ก็ไร้วี่แวว กระทั่งมีหญิงรายหนึ่งพาตนมาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วนำตนมาทิ้งไว้ที่หอพักของนายชยพล วงชิด และนายชยพล ได้ให้ความช่วยเหลือตนมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งตนต้องการแค่ตามหาภรรยาให้พบ เพื่อให้ภรรยากลับมาเซ็นรับรองว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของตน เพื่อให้ตนสามารถนำลูกชายไปกลับอยู่ที่ประเทศเยอรมนีได้ ส่วนเรื่องทรัพย์สินที่หมดไปแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ตนจะไม่กลับประเทศโดยทิ้งลูกชายไว้ที่นี่
ด้านนายชยพล กล่าวว่า ตนเห็นนายสเตฟานเลี้ยงดูลูกชายอย่างดี ทั้งที่ไม่ค่อยมีเงินติดตัว จึงให้ความช่วยเหลือ เพราะสงสารและเห็นใจ ซึ่งตนพยายามติดต่อไปหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ
จากนั้นในเวลาต่อมา คุณชัช ตลาดไท ผู้ดูแลมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้ามาเก็บข้อมูล และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 5 พันบาท ด้านนักข่าวที่เห็นใจก็รวบรวมเงินให้ 1,000 บาท เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของเด็ก เผื่อนายสเตฟานจะนำเงินไปจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ลูก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
