อดีตทหารชาวออสเตรีย ทำสถิติดิ่งพสุธาจากขอบอวกาศที่ความสูง 39 กิโลเมตรสำเร็จ และเป็นมนุษย์คนแรกที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าเสียงโดยไม่อาศัยยานพาหนะ
วันนี้ (15 ตุลาคม) สำนักข่าวบีบีซีนิวส์ รายงานว่า นายเฟลิกซ์ บาว์มการ์ทเนอร์ (Felix Baumgartner) อดีตทหารชาวออสเตรียวัย 43 ปี สามารถทำลายสถิติโลกด้วยการกระโดดร่มดิ่งพสุธาจากบอลลูนติดแคปซูลอวกาศ ที่ชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ อยู่เหนือพื้นดิน 39 กิโลเมตร หรือ 128,000 ฟุต และถือเป็นการทำลายสถิติเดิมที่ โจ กิตติงเจอร์ (Joe Kittinger) ทหารอากาศสหรัฐฯ เคยทำไว้ในปี 1960 หรือเมื่อ 52 ปีที่แล้ว ที่ระดับความสูง 31.3 กิโลเมตร
รายงานระบุว่า เฟลิกซ์ บาว์มการ์ทเนอร์ ได้เข้าร่วมในภารกิจ เรดบูลสตราโทส (Red Bull Stratos) ซึ่งเขาได้เข้าไปในบอลลูนบรรจุฮีเลียม 850,000 ลูกบาศก์เมตร ที่มีความสูงเท่าตึก 55 ชั้น และขึ้นจากฐานปฏิบัติการในรอสเวลล์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของนิวเม็กซิโก เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมี โจ กิตติงเจอร์ เจ้าของสถิติเดิมรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่ภารกิจ รวมทั้งสื่อสารกับบาว์มการ์ทเนอร์ระหว่างที่เขาพุ่งตัวลงมาจากชั้นบรรยากาศ
เมื่อถึงความสูงที่ตั้งเป้าไว้บาว์มการ์ทเนอร์ได้ดิ่งพสุธาและร่อนลงสู่พื้น ทะเลทรายอย่างปลอดภัยด้วยร่มชูชีพ โดยทำท่าคุกเข่าและฉลองชัยชนะอย่างสวยงาม ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 20 นาที (ไม่นับช่วงเวลาที่บอลลูนลอยขึ้นไป) และตามรายงานของสเปซดอทคอมซึ่งอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่จากเรดบูล ระบุว่า จากผลอย่างไม่เป็นทางการบาว์มการ์ทเนอร์ใช้เวลา ตกอิสระ (freefall) ประมาณ 4 นาที 22 วินาที
เมื่อถึงความสูงที่ตั้งเป้าไว้บาว์มการ์ทเนอร์ได้ดิ่งพสุธาและร่อนลงสู่พื้น ทะเลทรายอย่างปลอดภัยด้วยร่มชูชีพ โดยทำท่าคุกเข่าและฉลองชัยชนะอย่างสวยงาม ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 20 นาที (ไม่นับช่วงเวลาที่บอลลูนลอยขึ้นไป) และตามรายงานของสเปซดอทคอมซึ่งอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่จากเรดบูล ระบุว่า จากผลอย่างไม่เป็นทางการบาว์มการ์ทเนอร์ใช้เวลา ตกอิสระ (freefall) ประมาณ 4 นาที 22 วินาที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระยะเวลาตกอิสระของบาว์มการ์ทเนอร์จะสั้นกว่าสถิติตกอิสระที่นานที่สุดเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เขามีความเร็วถึง 1,120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก หรือเร็วกว่าเสียงตามที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์คนแรกที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าเสียงโดยไม่ต้องอาศัยยานพาหนะ
ทั้งนี้ เฟลิกซ์ บาว์มการ์ทเนอร์ ยังกล่าวถึงภารกิจท้ามฤตยูครั้งนี้ด้วยว่า ปฏิบัติการนี้ไม่ใช่แค่การเสี่ยงตายทำลายสถิติเดิมเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายคือเพื่อรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อมาตรการกู้ชีวิตมนุษย์อวกาศและนักบิน และอาจรวมถึงนักท่องเที่ยวอวกาศต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถทะลุความเร็วเหนือเสียงที่ชั้นสตราโทสเฟียร์และกลับสู่โลกได้ จึงนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ระดับขอบอวกาศ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีระเบียบดังกล่าว
