x close

ราบรื่น! ประชุม ครม.ไทย-เวียดนาม ถกร่วมมือส่งออกข้าว


ประชุม ครม. ไทย-เวียดนาม

นายกฯ ปลื้มคู่แข่งช่วย เชื่อญวนยกราคาข้าว (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ , เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra 

          ยิ่งลักษณ์ ปลื้มนายกฯ เวียดนาม ดีใจคู่แข่งค้าข้าวขยายความร่วมมือรักษาเสถียรภาพราคา พร้อมส่งเสริมความร่วมมือในการส่งออกข้าว

          เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม International Convention Center กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง, นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ, พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 2 ร่วมกับนายเหงียน เติ๋น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐนิยมสังคมเวียดนาม และบรรดาคณะรัฐมนตรีเวียดนาม
   
          น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนขอถือโอกาสนี้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามให้แน่นแฟ้นและเจริญรุ่งเรืองต่อกันต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันผลักดันประเด็นความร่วมมือทุกด้าน ทั้งประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ให้มีความคืบหน้าที่ดี มีการร่วมกันผลักดันในเวทีระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบอาเซียน ซึ่งไทย-เวียดนามได้ร่วมกันขับเคลื่อนการมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนร่วมกัน
   
ประชุม ครม. ไทย-เวียดนาม

          ต่อมาเวลา 09.30 น. นายเหงียน เติ๋น สุง ได้หารือทวิภาคีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คู่ขนานไปกับการประชุมกลุ่มย่อย โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.การเมืองและความมั่นคง 2.เศรษฐกิจ และ 3.สังคมและวัฒนธรรม เมื่อประชุมกลุ่มย่อยเสร็จ ทั้งสองฝ่ายได้กลับมาประชุมใหญ่เพื่อข้อสรุปอีกครั้ง
   
          จากนั้นเวลา 12.00 น. นายเหงียน เติ๋น สุง แถลงว่า การประชุมครั้งนี้เป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง และเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลทั้งสองส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในหลายด้านเพื่อความสงบ ความมั่นคง และการพัฒนาในภูมิภาค โดยสามารถแบ่งออกมาได้ดังนี้

          1.ด้านการเมือง ความมั่นคง และกลาโหม ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในการรักษาและเสริมสร้างการเยือนของระดับผู้นำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รักษาและเสริมสร้างความร่วมมือในปัจจุบัน โดยสองฝ่ายยังคงยืนยันไม่อนุญาตให้บุคคลหรือองค์กรใด ๆ ใช้อาณาเขตในการต่อต้านประเทศซึ่งกันและกัน และเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ
   
          2.ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางการค้าทวิภาคี ร้อยละ 20 ต่อปี โดยมีมูลค่าถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2015 และส่งเสริมร่วมมือด้านการลงทุน การเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมความร่วมมือในการส่งออกข้าว

          และ 3.ด้านสังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายยืนยันส่งเสริมการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงาน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ
   
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมจำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมเวียดนาม-ไทย ครั้งที่ 2 2.แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยวิสัยทัศน์ความมั่นคงเวียดนาม-ไทย ในช่วงปี 2012-2016 และ 3.ข้อตกลงก่อตั้งสภาธุรกิจเวียดนาม-ไทย
   
          ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า เราได้แสดงความพร้อมขยายความร่วมมือให้เพิ่มมากขึ้นในมิติที่หลากหลายและรอบด้าน โดยตนได้ใช้โอกาสนี้ผลักดันความร่วมมือเรื่องข้าวและยางพารา เพื่อร่วมกันรักษาเสถียรภาพของข้าวและยางพารา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเน้นความสำคัญของความร่วมมือในการเชื่อมโยง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือด้านสังคม การศึกษา และวัฒนธรรมให้เพิ่มมากขึ้น

          ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ตนมั่นใจว่ากรอบแนวทางความร่วมมือและแนวทางความตกลงจะช่วยพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือไทย-เวียดนามในหลาย ๆ ด้าน ให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ
   
          ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในฐานะตัวแทนฝ่ายที่เข้าร่วมหารือกลุ่มย่อยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตทางการค้าไว้ที่ 20% ต่อปี ระหว่างปี 2555-2558 รวมถึงการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เพื่อสานต่อการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
   
          เขาบอกว่า เรื่องสินค้าเกษตร ยังเห็นชอบร่วมกันให้ขยายความร่วมมือกรอบทวิภาคี และจัดการประชุมหารือเรื่องข้าวในระดับต่าง ๆ ให้บ่อยขึ้น เพื่อยกระดับความความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกในกลุ่มอาเซียนให้สูงขึ้น นอกจากนี้ เวียดนามยังตกลงที่จะเข้าร่วมประชุมไตรภาคีด้านยางพารา เพื่อสร้างความแข็งแรงในการรักษาเสถียรภาพราคายางอีกด้วย.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ราบรื่น! ประชุม ครม.ไทย-เวียดนาม ถกร่วมมือส่งออกข้าว โพสต์เมื่อ 28 ตุลาคม 2555 เวลา 11:52:48
TOP