เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เตรียมแจ้งข้อหา พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี หลังพบหลักฐานชี้ชัด จากกล้องบันทึกภาพของคณะผู้ต้องหาว่า พ.ต.ท.ธีรยุทธ ครอบครองอาวุธปืนสั้น ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้จากการกระทำผิด
ความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จับกุม พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี สว.สส.สภ.ปราณบุรี พร้อมชาวบ้านอีก 8 คน ขณะเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมของกลาง ซากกระจง เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม 1 ตัว และกบภูเขาหรือ กบทูต ที่อาศัยและแพร่พันธุ์อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจำนวน 100 ตัว และเรือซึ่งใช้เป็นพาหนะในการล่าสัตว์ รวมถึงอุปกรณ์เดินป่าอีกจำนวนหนึ่ง
โดยจับกุมได้ช่วงเช้ามืดของคืนวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยกเว้น พ.ต.ท.ธีรยุทธ ถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกระทำความผิด มีและพาอาวุธปืนยิงปืน ล่าสัตว์ ครอบครองซากสัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต และล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ส่วน พ.ต.ท.ธีรยุทธ ที่ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์ และมีผู้ต้องหาอื่นสมอ้างรับเป็นเจ้าของจึงแค่ถูกเปรียบเทียบปรับ และมีคำสั่งให้พ.ต.ท.ธีรยุทธ ไปช่วยราชการที่ สำนักงานตำรวจภูธร ภาค 7 ระหว่างรอผลการสอบข้อเท็จจริงทางนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. ของวันนี้ (13 พฤศจิกายน) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานจากกล้องบันทึกภาพของคณะผู้ต้องหาโดยละเอียด ขณะนี้พบหลักฐานเพิ่มเติมที่บันทึกภาพไว้ขณะออกล่าสัตว์ในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบมีการบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ปรากฏภาพ พ.ต.ท.ธีรยุทธ และคณะผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในป่าห้วงระหว่างวันที่ 8 และ 9 พฤศจิกายน โดยมีการทำกิจกรรม และดื่มสุราร่วมกัน โดยมีภาพที่ พ.ต.ท.ธีรยุทธ ครอบครองอาวุธปืนสั้นหนึ่งในของกลางที่ยึดไว้อย่างชัดเจน
จากหลักฐานดังกล่าว นายชัยวัฒน์ จะไปดำเนินการแจ้งข้อหาต่อ พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน กล่าวหา พ.ต.ท.ธีรยุทธ ฐานพกพาอาวุธปืนเข้าเขตอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสัตว์ป่าในยามวิกาล–ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองซากสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะนำข้อกล่าวหาทั้งหมดนำส่งต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งเพียงข้อหาเดียวคือเข้าเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เนื่องจากในระหว่างการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไม่พบของกลางหรือสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในตัว และถูกเปรียบเทียบปรับไปแล้วเป็นเงิน 1 พันบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
