เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
สตช. โชว์ผลงาน! จับเด็กแว้นทั่วประเทศ เดือนเดียว 6 หมื่นคดี เป็นเด็ก 163 คน และเยาวชน กว่า 2 พันคน เผยผลการจับกุมสูงขึ้น การร้องเรียนลดน้อยลง เร่งให้เจ้าหน้าที่ออกกำลังปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง และทำความเข้าใจแก่เยาวชน
วานนี้ (6 ธันวาคม) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตำรวจ แถลงสถิติการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถจักรยานยนต์ว่า ในช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างเคร่งครัด โดยได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า โดยผลการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 64,416 คดี แบ่งได้ดังนี้ ...
ดำเนินการกับผู้ขับขี่และผู้สนับสนุนตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 จำนวน 41,920 คดี ดำเนินการกับร้านแก้ไขดัดแปลงตกแต่ง 387 คดี ดำเนินการความผิดอื่นตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 จำนวน 12,107 คดีโดยมีการยึดของกลางรถจักรยานยนต์ 1,312 คัน ยึดท่อไอเสีย 104 ท่อ ซึ่งพื้นที่ที่จับกุมได้มากที่สุดคือ บช.น. รองลงมาคือ ภาค 7 และภาค 9 ตามลำดับ โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ กลุ่มนักแข่งจะจัดแข่งรถที่ถนนสายหลัก ส่วนในต่างจังหวัดจะจัดแข่งที่ถนนสายรองที่เป็นเส้นตรง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้กระทำผิดมีเด็กจำนวน 163 คน เยาวชน 2,660 คน โดยมีการเปรียบเทียบปรับและส่งฟ้องศาล ซึ่งผู้ต้องหาที่รับสารภาพในข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ศาลได้สั่งลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท รอลงอาญา 1 ปี และให้ทำงานบริการสังคม คุมประพฤติ พักการใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน ส่วนข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยไม่รู้ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมฯ ศาลพิพากษาจำคุก 15 วัน ปรับ 5 พันบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และข้อหาแข่งรถในทาง มีทั้งจำคุก 15 วัน และได้เชิญผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนมาพบเพื่อตักเตือนด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประเมินผลพบว่ามีสถิติการจับกุมที่สูงขึ้น และมีสถิติการร้องเรียนที่ลดลง อีกทั้งเป็นมาตรการที่บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการปฏิบัติ และเน้นเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น และให้หน่วยปฏิบัติระดับกองบังคับการออกปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ดำเนินการชี้แจงและทำความเข้าใจและให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนด้วย ปัญหาดังกล่าวจึงมีแนวโน้มที่จะลดลงตามลำดับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
