x close

เสรี-กัมปนาท ชี้แบนเหนือเมฆ 2 ช่อง 3 ยอมโดนด่าดีกว่าธุรกิจสั่นคลอน




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) , เฟซบุ๊ก  ดร.เสรี วงษ์มณฑา

          เสรี-กัมปนาท เสวนา เหนือเมฆ 2 ชี้ช่อง 3 ยอมโดนด่าดีกว่าทำธุรกิจสั่นคลอน เผยการเป็นธุรกิจสัมปทานก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นทาส มั่นใจผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง


          วานนี้ (13 มกราคม) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก งานเสวนาวิชาการเรื่อง "เหนือเมฆ 2 บทบาทและความรับผิดชอบของสื่อต่อสังคม" ที่หอประชุมจี๊ด เศรษฐบุตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี นายเสรี วงษ์มณฑา นักสื่อสารมวลชน, นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล อดีตผู้ดำเนินรายการ ชูรักชูรส ช่อง 3 และนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว...



รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา

          โดย นายเสรี วงษ์มณฑา เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า... หากจะถามว่าใครอยู่เบื้องหลังในการแบนละครเรื่องนี้ คงจะได้คำตอบเมื่อสื่อไปถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องอะไรกับการแก้รัฐธรรมนูญบ้าง ซึ่งแน่นอนคำตอบที่ได้ก็คือเขาไม่เกี่ยว แต่ถ้าหากเราใช้สมองและตรรกะในการพิจารณา ก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งการสรุปจากสมองของตนคิดได้ว่า ละครเหนือเมฆที่โดนแบน เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจแน่นอน
 
          นายเสรี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนี้ทางช่อง 3 ก็น้ำท่วมปาก อยู่ในฐานะนักธุรกิจที่ไม่อยากจะมีปัญหากับนักการเมืองเลยต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นแพะ เป็นหนังหน้าไฟให้โดนด่า โดนต่อว่า ซึ่งการเป็นธุรกิจสัมปทานก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นทาส เพราะการจะทำอะไรก็ไม่มีทางที่จะสะอาดบริสุทธิ์ไร้แผล ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจช่อง 3 เหมือนกัน และขณะนี้ช่อง 3 ก็กำลังเลือกระหว่างถูกประณามด้วยกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์ก กับการมีธุรกิจสัมปทาน และแน่นอนเขาก็ให้ถูกคนต่อว่า ดีกว่าทำให้ธุรกิจของเขาสั่นคลอน 

          อย่างไรก็ดี นายเสรี กล่าวต่อว่า หากจะมองช่อง 3 ในแง่ธุรกิจ เรื่องนี้เราก็สามารถเข้าใจได้ แต่หากมองในแง่องค์กรทางสังคม และมนุษย์นั้น ตนไม่ชอบใจเลย เพราะสื่อไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ เนื่องจากมีผู้ชม ผู้ฟัง และมีคนเลียนแบบอยู่ ดังนั้น สื่อจึงต้องรักษาศักดิ์ศรีและความเป็นครูเอาไว้ด้วย เพราะสื่อเป็นครูในสังคม ซึ่งหากมองกลับกันถ้าช่อง 3 ถูกรังแกเราก็คงไม่นิ่งเฉย ซึ่งวิกฤติในครั้งนี้ ช่อง 3 คงต้องเรียนรู้และยอมรับกับสิ่งทีเกิดขึ้น และต้องขอโทษประชาชน รวมถึงแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ส่วนฝ่ายอื่น ๆ เช่น ฝ่ายโฆษณา สปอนเซอร์ ก็ควรตระหนักว่า ควรจะมีโฆษณาอยู่ต่อไปหรือไม่


นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล
 
          ขณะที่ นพ.กัมปนาท เปรียบเทียบกับละครเหนือเมฆกับรายการไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนท์ ว่า ในกรณีเปลือยอกวาดรูป ทางช่อง 3 ก็ไม่ได้ถอดรายการนี้ออกจากผัง เพียงแต่ออกมาขอโทษแล้วก็จบไป พร้อมโดนปรับเงินจำนวนหนึ่ง ส่วนละครเหนือเมฆต้องเรียกว่า Multiple Standrad ไม่ใช่แค่ Double Standard หรือสองมาตรฐานแค่นั้น แต่มีอะไรเยอะแยะมากมายจนเรียกว่าได้ "เอาตามใจฉัน ฉันจะให้ใครอยู่ ฉันก็ทำ" และเรื่องที่ช่อง 3 ทำก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

          อดีตพิธีกรชูรัสชูรส กล่าวต่อว่า สโลแกนของช่อง 3 คือคุ้มค่าทุกนาทีดูทีวีสีช่อง ดังนั้นความคุ้มค่าที่เกิดขึ้น ประชาชนควรได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า ถือว่าเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกัน และให้เกียรติคุณผู้ชมที่เลือกดูช่อง 3 และซื้อสินค้าผ่านโฆษณาจากช่องของคุณ

          ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทางสังคมเราก็ต้องติดตามเรื่องนี้กันต่อไป ซึ่งในวันที่ 16 มกราคม คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะเรียกตัวแทนช่อง 3 ผู้ผลิตละคร รัฐมนตรี และ กสทช. ไปชี้แจง แต่หากจะมองในเรื่องของเสรีภาพ การที่ช่อง 3 เซ็นเซอร์ตัวเองนั้น ยังไม่ถูกว่าละเมิดสิทธิ แต่ทั้งนี้ หากหลังจากวันที่ 16 มกราคม ยังไม่ได้คำตอบว่าความไม่เหมาะสมคืออะไร เราก็ต้องมาดูกันว่า นอกเหนือจากช่อง 3 นั้น มีฝ่ายไหนเกี่ยวข้องอีก ส่วนผู้จัดละคร สามารถเอาผลงานไปเสนอช่องอื่นได้หรือไม่ รวมถึงสปอนเซอร์ต่าง ๆ ด้วย



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เสรี-กัมปนาท ชี้แบนเหนือเมฆ 2 ช่อง 3 ยอมโดนด่าดีกว่าธุรกิจสั่นคลอน โพสต์เมื่อ 14 มกราคม 2556 เวลา 11:10:07 1,292 อ่าน
TOP