นายสุริยะใส กตะศิลา
สุริยะใส วิเคราะห์ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. ชี้ สุขุมพันธ์ ชนะยาก มีผลงานที่ไม่เพียงพอจะรักษาแชมป์ได้ ขณะที่ พงศพัศ ใหม่กว่า สดกว่า!
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ได้วิเคราะห์ถึงการแข่งขันชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ระหว่าง 2 ตัวเต็งอย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัฒร กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่า ต้องจับตาดูแนวโน้มการหาเสียงในโค้งสุดท้าย ว่าจะมีการเล่นนอกกติกาหรือการทำผิดกฎเลือกตั้งหรือไม่ เพราะการแข่งขันครั้งนี้มีคะแนนนิยมสูสีกันมาก ซึ่งต่างจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งที่แล้ว
นายสุริยะใส กล่าวถึงโอกาสที่ ม.ร.ส.สุขุมพันธุ์ จะสามารถคว้าแชมป์ได้อีกครั้งมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะชัยชนะจากครั้งที่แล้ว 9 แสนกว่าคะแนน ต่อ 6 แสนคะแนนของนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยในสมัยก่อนนั้น ต้องยอมรับว่า ในช่วงนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลใหม่ ๆ ย่อมได้เปรียบคู่แข่ง แต่ในครั้งนี้ สถานการณ์พรรคเพื่อไทยแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก แถม พล.ต.อ.พงศพัศ ยังสร้างภาพลักษณ์ที่โดนใจ ใหม่กว่า สดกว่า ส่วนทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีผลงานที่ไม่เพียงพอจะรักษาแชมป์ได้ ทั้งนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์หวังเพียง 9 แสนคะแนนเท่าเดิม คงไม่ชนะอย่างแน่นอน
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวต่อว่า ส่วนทางกลุ่มเพื่อไทยครั้งก่อนได้ 6 แสนคะแนน และในรอบนี้ไม่มีใครมาตัดคะแนนเหมือนครั้งที่แล้ว ที่โดน หม่อมปลื้ม ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ตัดไป 3 แสนกว่าคะแนน ในส่วนของผู้สมัครอิสระ แม้คะแนนนิยมจะยังค่อนข้างตามหลังอยู่ห่าง แต่ก็ถือว่ายังไม่หมดโอกาส เพราะแต่ละนโยบายนั้น ขายไอเดียเต็มที่ คาดว่าคงจะการเทคะแนนเสียงได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้ายว่า ครั้งนี้ผลการแพ้ชนะไม่ใช่คะแนนจัดตั้งเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะในรอบนี้ 2 พรรค การแข่งขันสูสีกันมาก ตัวแปรที่จะเปลี่ยนคะแนนน่าจะเป็นนโยบายใหม่ ๆ ซึ่งสามารถเปลี่ยนกรุงเทพฯ โดนใจ และทำได้จริง ส่วนครั้งที่แล้วมีคนไปใช้สิทธิเพียง 51% เท่านั้น และนโยบายของทั้งสองพรรคก็คล้าย ๆ กัน เลยไม่แปลกที่ส่วนใหญ่จะเลือกเพราะประชานิยม เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ใครกล้าเสนอนโยบายที่จะนำไปสู่การปฏิรูปกรุงเทพฯ เพื่อนับหนึ่งใหม่ หรือเป็นเมืองโมเดลในการปฏิรูปประเทศไทย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก