ปัญหาภัยแล้ง อดอยาก ในเกาหลีเหนือ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ เปิดเผยเหตุการณ์สุดอึ้งของชาวเกาหลีเหนือหลายคน ที่เผชิญกับความอดอยาก ต้องฆ่ากันเองเพื่อชำแหละเนื้อมาทำอาหาร
รายงานระบุว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ อันเป็นผลมาจากความหิวโหย ขาดแคลนอาหาร ความยากจน และปัญหาภัยแล้งของผู้คนในหลายพื้นที่ ทำให้มีการฆ่าแกงกันเอง เพื่อนำเนื้อมากินเป็นอาหาร และที่น่าช็อก ก็คือ แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังทนความหิวโหยไม่ได้ ฆ่าลูกเพื่อนำเนื้อมาปรุงอาหารประทังชีวิตด้วย
โดยเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นในพื้นที่เกษตรกรรมของเกาหลีเหนือที่กำลังประสบภัยแล้ง ซึ่งหนึ่งในคดีสะเทือนขวัญ เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เมื่อพ่อรายหนึ่งได้ลงมือฆ่าลูกทั้ง 2 คนของตัวเอง เพื่อนำมาเป็นอาหาร ขณะที่ภรรยาของเขาไม่อยู่ โดยในทีแรกเขาจะฆ่าเพียงลูกสาวคนโตเท่านั้น แต่เมื่อลูกชายมาเห็นเข้า จึงฆ่าลูกชายไปอีกคน เพราะไม่อยากให้ใครล่วงรู้เรื่องนี้ จากนั้น เมื่อภรรยากลับมา เขาก็ได้บอกภรรยาว่า เขามีเนื้อสำหรับเอามาทำอาหารแล้ว ฝ่ายภรรยาได้ยินดังนั้นก็เกิดเอะใจ ในที่สุดก็ไปพบกับชิ้นส่วนศพของลูกตัวเองอยู่ภายในบ้าน จึงแจ้งตำรวจจับกุมในที่สุด
ส่วนอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ ชายคนหนึ่งถึงกับขุดศพของหลานตัวเองขึ้นมาจากหลุม จากนั้นก็ชำแหละเนื้อออกมา เพื่อนำไปกินเป็นอาหาร เป็นที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างคดีสุดสยองเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในเกาหลีเหนือยังเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้อีกหลายเหตุการณ์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเพื่อนร่วมงาน ฆ่าลูก โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ นำเนื้อที่ได้ไปปรุงอาหารบ้าง หรือนำไปวางขายโดยอ้างว่าเป็นเนื้อหมูบ้าง และที่น่าสะพรึงกลัวไปกว่านั้น คือมียอดผู้เสียชีวิตซึ่งเชื่อว่าเป็นเหยื่อของฆาตกรล่าเนื้อคนแล้วกว่า 10,000 ศพ และมีวี่แววว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ เว็บไซต์เดลิเมลยังระบุว่า ท่ามกลางปัญหาภัยแล้ง ที่ทำให้ผู้คนในพื้นที่เกษตรกรรมหันมากินกันเองเช่นนี้ คิม จอง อึน ผู้นำของประเทศกลับนำเงินจำนวนมหาศาลไปทุ่มให้กับโครงการทดลองขีปนาวุธ แทนที่จะนำมาช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนอาหารในพื้นที่ทุรกันดาร ปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไป แถมมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
