สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
กฟผ. ห่วงอีก 10 ปี ก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยหมด ต้องนำเข้า LNG ราคาแพงกระทบค่าไฟ ชู สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด เสริมความมั่นคงพลังงาน พร้อมยัน พม่าหยุดจ่ายก๊าซ 4 - 12 เม.ย. ไม่ยอมให้เกิดไฟดับในวงกว้าง ดึงโรงไฟฟ้าน้ำมันเตา-ดีเซล เดินเครื่องทดแทน
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 นายพงษ์ดิษฐ พจนา รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ในฐานะโฆษก กฟผ. กล่าวว่า จากแนวโน้มสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ที่จะหมดลงในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งประเทศไทย ก็จะต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในระบบไฟฟ้า เพราะทางเลือกในการนำก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG จากต่างประเทศ ก็มีราคาสูงเป็น 2 เท่า ทำให้มีผลต่อราคาค่าไฟฟ้าที่จะต้องปรับขึ้นในอนาคต ดังนั้นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะคลี่คลายปัญหานี้ได้คือ การพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศโดยแสวงหาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นทดแทนก๊าซธรรมชาติ และที่สำคัญควรเป็นเชื้อเพลิงที่มีเสถียรภาพต่อระบบไฟฟ้า ทำให้ราคาไฟฟ้าถูก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. เล็งเห็นว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินนำเข้าเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหลายประเทศได้ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินมาแล้ว และก็มีแนวโน้มที่จะผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้ กฟผ. ได้เตรียมแผนรับมือพม่า หยุดจ่ายก๊าซระหว่างวันที่ 4 - 12 เมษายน ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตหายไป 6,000 เมกะวัตต์ และอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตกทั้งหมด อีกทั้งช่วงเวลาดังกล่าวก็จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 26,500 เมกะวัตต์ ทำให้การผลิตสำรองในระบบต่ำกว่ามาตรฐาน กฟผ. จึงเตรียมมาตรการป้องกันผลกระทบไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับไว้ 8 แนวทาง อาทิ เตรียมนำโรงไฟฟ้าน้ำมันเตา น้ำมันดีเซล เดินเครื่องทดแทนโรงไฟฟ้าก๊าซที่หายไป การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก หรือ XPP เพิ่มขึ้นเสริมระบบและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากลาวเต็มที่ เร่งรัฐจัดทำแผนทดสอบโรงไฟฟ้าทั้งหมดที่อยู่ในข่ายต้องเดินเครื่องด้วยเชื้อเพลิงดีเซล ให้มีความพร้อมในการเดินเครื่อง พร้อมประสาน กรมชลประทาน เพิ่มการระบายน้ำในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดใช้น้ำมันให้น้อยลง
นอกจากนี้ ยังเลื่อนแผนบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าทั้งหมดในช่วงหยุดผลิตก๊าซ รวมทั้งประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง เตรียมแผนดับไฟฟ้าสำรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหน่วยละ 350 เมกะวัตต์
