เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ชาวนา ยัน รับไม่ได้ หากรัฐบาลจะลดเพดานจำนำข้าวเหลือตันละ 1.3 หมื่น ย้ำชัด ชาวนายังไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ขณะที่นักวิชาการเห็นต่าง หนุนรัฐลดราคาจำนำ หวังแก้สภาพคล่อง ธ.ก.ส. ช่วยการส่งออก
จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาโยนหินถามทาง เสนอลดราคาจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูการผลิต 2555/2556 รอบ 2 จาก 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 13,000 บาทต่อตัน ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพราะโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการคลัง และการส่งออกข้าวที่ลดลงอย่างมาก นำมาซึ่งการแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวในรายการ "ตรงประเด็นเที่ยง" กรุงเทพธุรกิจทีวี ถึงเรื่องนี้ว่า ตนเองเพิ่งจะทราบเรื่องนี้ และได้สอบถามกลุ่มชาวนาหลายจังหวัด ทุกคนต่างบอกว่า รับไม่ได้ หากรัฐบาลจะปรับลดราคาจำนำข้าวเหลือ 13,000 บาทต่อตัน เพราะตั้งแต่รัฐบาลรับจำนำ 15,000 บาท ก็ทำให้ต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่ายา และค่าแรง
ทั้งนี้ นายประสิทธิ์ ยืนยันว่า เหตุผลในการลดราคาจำนำข้าว โดยอ้างว่าชาวนามีชีวิตดีขึ้นไม่เป็นความจริง เพราะส่วนใหญ่ชาวนา 80% ทำนาเช่า ดังนั้น จึงไม่ได้ร่ำรวยขึ้น ไม่ได้หมดหนี้หมดสิน รัฐบาลไปทำอย่างอื่น ใช้เงินอย่างอื่นตั้งเยอะ แค่มาช่วยชาวนาตรงนี้ และจะมาลดตรงนี้ แล้วไม่มีเหตุมีผลพอคงรับกันไม่ได้
"ตอนนี้ชาวนา 80% เช่าเขาทำ นาหนึ่ง 30-35 ไร่ขึ้นไป ถ้าจะทำโซนนิ่งต้องรวมเป็นแปลงใหญ่ อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 200-300 ไร่ รัฐบาลมีแนวทางอย่างไร คนที่เช่านาเขาอยู่ แต่ละเจ้า ๆ จัดรวมให้เป็นโซนนิ่ง 300 ไร่ รัฐบาลมีแนวคิดหรือยังว่าจะทำอย่างไร มันต้องมีระบบให้ชัดเจน ไม่ใช่ประกาศอย่างเดียว แต่ทำไม่ได้ มันต้องพูดแล้วทำได้ด้วย ผมเสนอมาหลายครั้งแต่รัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่เคยสนใจ จะแก้ปัญหามันต้องแก้ตรงนี้" นายประสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าทางออกของนโยบายดังกล่าวคืออะไร นายประสิทธิ์ แนะนำว่า ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาคืออะไร ตอนนี้ปัญหาคือ 1. เราทำนาเช่าเป็นจำนวนมาก 2. ต้นทุนสูง 3. ผลผลิตตกต่ำ จะเพิ่มผลผลิต หากรัฐบาลมาลดราคาจำนำข้าวเหลือ 13,000 บาท แล้วจะมีแนวทางอย่างไรช่วยเหลือชาวนา เช่น เรื่องปุ๋ย เรื่องต้นทุน รัฐบาลต้องเอาปุ๋ยราคาถูกมาให้ชาวนา หรือจะไปช่วยวัสดุอย่างอื่น รวมทั้งเรื่องประกันภัยพืชผลกับสวัสดิการชาวนา ต้องมีอะไรช่วยเหลือชาวนาด้วย ต้องชัดเจนก่อนจะประกาศ หากประกาศเลยจะมีแรงต่อต้าน ชาวนาลุกฮือแน่นอน
ด้าน นายรังสรรค์ กาสูลงค์ สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวในรายการ "คม ชัด ลึก" ช่องเนชั่นทีวี ว่า การทำเช่นนี้เท่ากับรัฐบาลกำลังผิดสัญญากับชาวนา แล้วใครจะรับได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องทำตามสัญญา หากจะแก้ไขอะไรควรไปทำในปีงบประมาณหน้า ทั้งนี้ อยากให้รีบออกใบรับรองที่ล่าช้า ถ้าวันที่ 1 เมษายน ชาวนายังไม่ได้รับเงิน ทุกคนลุกฮือแน่นอน
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กลับเห็นด้วยที่รัฐบาลจะลดราคารับจำนำลงมาอยู่ที่ตันละ 1.3 หมื่นบาท เพื่อให้ใกล้เคียงราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 10,000 บาท เพราะหากรับจำนำที่ราคาเดิม แม้ช่วยเกษตรกรมีรายได้ และเพิ่มกำลังซื้อ แต่ทำให้ราคาข้าวไทยในตลาดโลกสูงกว่าหลายประเทศ และทำให้การส่งออกข้าวตกจากเคยเป็นแชมป์ส่งออกข้าว
"การรับจำนำที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท รัฐบาลได้ดำเนินการตามหาเสียงไว้แล้ว เมื่อสถานการณ์และความเป็นอยู่เกษตรกรดีขึ้น จึงควรปรับลดเพดานลงมา เพื่อลดการใช้งบประมาณลง และแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมทั้งลดปริมาณข้าวในสต็อกและทำให้การส่งออกข้าวของไทยน่าจะดีขึ้นอีกด้วย" นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ยังไม่ได้มีข้อสรุปใด ๆ ออกมา เพราะได้เลื่อนการประชุมเรื่องนี้ออกไปอย่างกะทันหันจากเดิมที่จะประชุมกันในวันที่ 1 มีนาคม ไปเป็นช่วงกลางเดือนมีนาคมแล้ว โดย นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า รัฐบาลจะยังไม่นำนโยบายนี้มาใช้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา
ขณะที่ นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มองว่า แม้รัฐบาลจะเลื่อนประชุม กขช. แต่ในที่สุดก็ต้องหาทางแก้ปัญหาราคารับจำนำที่สูง จนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการคลังและการส่งออกที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลอาจไม่กล้าลดราคา เพราะเป็นนโยบายหาเสียง จึงควรลดภาระค่าใช้จ่ายในโครงการด้วยการจำกัดวงเงินชาวนา และจำกัดปริมาณข้าวเข้าโครงการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
