เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ตอบโจทย์ประเทศไทย
ส.ว. รุมจวก ตอบโจทย์ฯ หลังออกอากาศเรื่องสถาบัน ระบุ ประเด็นอื่นอย่าง จำนำข้าว, พ.ร.ก.เงินกู้ ยังดูมีปัญหาต่อสังคมไทยมากกว่า แต่ทำไมไม่ทำ
วันนี้ (18 มีนาคม) นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานการประชุมวุฒิสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือเรื่องการชะลอการออกอากาศรายการตอบโจทย์ ประเทศไทย ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีบรรดา ส.ว. แสดงความคิดเห็นดังนี้
นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ขอขอบคุณสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่งดออกอากาศรายการนี้ ทว่าสิ่งที่ตนกังวลที่สุดกลับเป็นเรื่อง อาจารย์ที่สอนหนังสือแก่อนาคตของชาติมีแนวคิดล้มสถาบันพระมหากษัตริย์แบบนี้ นับว่าเป็นอันตรายต่อแนวคิดของเยาวชนไทยในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าสถาบันของไทยต่างจากสถาบันประเทศอื่น เพราะสถาบันของไทยสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่แผ่นดิน มีโครงการพระราชดำริต่าง ๆ มากมายที่ช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยให้ดีขึ้น ดังนั้น ไม่ควรที่จะลดสถานะลงเหลือเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า การดีเบตเกี่ยวกับสถาบันเป็นเรื่องที่ย่ำยีและสร้างความโกรธแค้นให้แก่คนไทยที่รักสถาบันเป็นอย่างมาก สิ่งที่ตนสงสัยคือ ไม่มีประเด็นอื่น ๆ มาออกอากาศแล้วหรืออย่างไร เช่น โครงการจำนำข้าว, พ.ร.ก.กู้เงิน 2.2 ล้านล้าน, รถคันแรก ฯลฯ ฉะนั้นตนจึงมีความเห็น 4 ข้อ ดังนี้
1. นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผอ.ไทยพีบีเอส ต้องรับผิดชอบต่อการจาบจ้วงสถาบันครั้งนี้ เนื่องจากผิดจริยธรรมสื่อมวลชน
2. ผู้จัดรายการมีเจตนาแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ที่ให้คนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ออกอากาศถึง 3 วัน และมีการดีเบตอีกด้วย
3. สถานีไม่ควรนำเงินภาษีของประชาชน มาทำรายการเพื่อสนองความต้องการคนไม่กี่กลุ่ม และสร้างปัญหาความขัดแย้งต่อคนไทยทั้งชาติ
4. กสทช. ต้องแก้ไขประเด็นการงดออกอากาศกะทันหัน ในเรื่องรายการตอบโจทย์ฯ และละครเหนือเมฆ 2
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การทำรายการเช่นนี้ออกมา ทำให้รัฐบาลโดนด่าฟรี ๆ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ก็ทำให้ไทยพีบีเอสมีความเสียหายด้วย ที่ตนสงสัยคือ คิดประเด็นอื่นไม่ได้แล้วหรือ ถึงต้องมาเล่นประเด็นนี้ เพราะประเด็นดังกล่าว รังแต่จะสร้างความแตกแยกในสังคม ไม่ได้สร้างปัญญาให้แก่สังคมเพิ่มเติม
ส่วน พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย, กสทช. ควรเข้าไปตรวจสอบและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ โดยเฉพาะทางสถานีที่อนุมัติให้รายการออกอากาศได้ เนื่องจากสถานีได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปีละ 2,000 ล้านบาท เรื่องแบบนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ควรดำเนินคดีกับผู้ดำเนินรายการและผู้ให้สัมภาษณ์ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง
พร้อมกันนี้ นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่า การไม่แก้ไขมาตรา 112 จะทำให้ชาติล่มจมหรืออย่างไร ทำไมนักวิชาการเหล่านั้นถึงคิดไม่ได้ อีกทั้งตนอยากหารือกับผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า ควรดำเนินรายการให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของช่อง และแสวงหาคำตอบให้สังคมไทยมากกว่า เช่น โครงการจำนำข้าว, พ.ร.ก.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก