เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กรณ์ เห็นด้วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชี้ออกเป็น พ.ร.บ. ตรวจสอบยาก ด้าน กิตติรัตน์ ยันดำเนินการอย่างรอบคอบ พร้อมทบทวนหากลงทุนไม่คุ้มค่า ขณะที่ ผอ. TDRI ระบุ ตรวจศึกษาความคุ้มค่า เสี่ยงเป็นหนี้สาธารณะเกิน 100%
วันนี้ (19 เมษายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแสดงวิสัยทัศน์ระหว่าง 2 ขุนคลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในหัวข้อ "อนาคตเศรษฐกิจไทย" เกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตามร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดย 2 ขุนคลัง ระบุตรงกันว่า ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ ระบุว่า การลงทุนในครั้งนี้ รัฐบาลได้คำนึงถึงความคุ้มค่า และการลงทุนโครงการพื้นฐาน ก็จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งการกู้เงินเพื่อลงทุนนั้น รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ และพร้อมที่จะทบทวน หากเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
ส่วนทางด้าน นายกรณ์ ขุนคลังจากรัฐบาลชุดก่อน ระบุว่า ตนเห็นด้วยสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่การออก พ.ร.บ. กู้เงิน ก็เหมือนกับการกู้เงินนอกระบบ ทำให้ตรวจสอบยาก และอาจจะเกิดความไม่โปร่งใส ซึ่งหากใช้เงินในงบประมาณการลงทุนให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง ตนเชื่อว่าน่าจะดีต่อวินัยทางการคลังมากกว่า
ขณะที่ นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง TDRI พร้อมทีมวิจัย แสดงความเป็นห่วงถึงการสร้างรถไฟความเร็วสูงว่า ถ้าหากยังไม่ได้ศึกษาความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ก็อาจจะเพิ่มหนี้สาธารณะสูงเกิน 100 % ในอีก 6 ปี ข้างหน้าก็เป็นได้ ซึ่งตนอยากจะเสนอให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานกลาง เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการดังกล่าว และควรจะมีกลุ่มผู้ตรวจสอบอิสระในระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งควรจัดทำงบประมาณรายจ่ายระยะปานกลาง เพื่อเสนอต่อรัฐสภาและประชาชนทุกปี เพื่อให้ทุกฝ่ายมีโอกาสตรวจสอบอย่างโปร่งใส
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก